Economics

สนพ. ชี้โควิดระบาดหนักในอินเดียกระทบดีมานด์ ทำราคาน้ำมันดิบผันผวน!

“สนพ.” มองราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน จากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในอินเดีย กระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของตลาด

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย ที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันของตลาด

ขณะที่ IEA คาดการณ์ว่าแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับเพิ่มเป็น 96.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2564 นี้ สอดคล้องกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 6 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวจาก 5.1% เป็น 5.4% ในปีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน เกี่ยวกับการทำข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ และประเมินผลกระทบในตลาดน้ำมันจากการที่สหรัฐ ดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นสมาชิกของโอเปกพลัส

สนพ.
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันของประเทศไทยแตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้าน หากพิจารณาจากโครงสร้างราคาน้ำมันอ้างอิงนั้น จะประกอบด้วย

  1. ต้นทุนเนื้อน้ำมัน (40 – 60%) คือ ต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเซีย
  2. ภาษีต่าง ๆ (30 – 40%) ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และบำรุงท้องถิ่น
  3. กองทุนต่างๆ (5 – 20%) เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง : เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน: เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
  4. ค่าการตลาด (10 – 18%) คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่ การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน นายวัฒนพงษ์ฯ กล่าวปิดท้าย

สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (12 – 18 เมษายน 2564)

ราคาน้ำมันดิบราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ 62.88 ดอลลาร์ และ 61.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.64 ดอลลาร์ และ 2.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเป็น 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 5.5 ล้านบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงกับกลุ่มโอเปกที่คาดว่า อุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลกจะสามารถเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล/วัน

ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย

ราคาน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 73.82 ดอลลาร์, 71.46 ดอลลาร์และ 72.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.57 ดอลลาร์, 1.55 ดอลลาร์ และ 1.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากอุปทานน้ำมันเบนซินในตะวันออกกลางมีปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังลดลง 3% อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

ราคาน้ำมันดีเซล (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 68.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดีเซลของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน

ค่าเงินบาทของไทย อ่อนค่าลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.02 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.5645 บาท/ดอลลาร์ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.32 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.38 บาท/ลิตร) ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.28 บาท/ลิตร และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.52 บาท/ลิตร

ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 18 เม.ย. 64) กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 57,027 ล้านบาท หนี้สินกองทุนน้ำมันฯ 35,248 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 21,779 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน 33,637 ล้านบาท บัญชี LPG
-11,858 ล้านบาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo