“คมนาคม” Kick off “ถนนสายเอเชีย บางปะอิน – ต่างระดับอ่างทอง” ต้นแบบเหยียบ 120 กม./ชม. ฟุ้ง! แก้รถติด ลดอุบัติเหตุ เตรียมขยายต่อ 2,000 กม. ทั่วประเทศ
วันนี้ (1 เม.ย.) บริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี “เริ่มต้นใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน – ทางต่างระดับอ่างทอง)”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฉพาะถนนที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด มีช่องจราจร (เลน) ตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง
โดยที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เตรียมการนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลสำเร็จ และประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
เส้นทางแรกที่ถือเป็น “ต้นแบบ” จุดเริ่มต้นในการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือ ทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน ถึง ทางต่างระดับอ่างทอง
เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง ทางกระทรวงคมนาคมยังได้สั่งการและเน้นย้ำให้กรมทางหลวง (ทล.) ปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักตกเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร
ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว
การกำหนดอัตราความเร็วรถเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนสายเอเชียนั้น จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและปัญหาอุบัติเหตที่เกิดจากการชนท้ายหรือการเปลี่ยนช่องจราจร อันเนื่องมาจากรถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างปะปนกันไป ไม่เป็นระเบียบ อีกทั้งยังทำให้ถนนสายเอเชียในอนาคตจะไม่มีจุดกลับรถระดับราบ ส่งผลให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยตลอดเส้นทาง
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ ทล. มีแผนจะประกาศใช้สายทางที่วิ่งได้สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และภาคใต้ ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร ยกตัวอย่างเช่น
- ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง อ่างทอง – สิงหบุรี
- ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม – นครสวรรค์
- ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทอง-มอจะบก
- ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง เขาวัง-สระพระ
พร้อมทั้งดำเนินการต่อเนื่องเพิ่มเติมบนทางหลวงสายหลักอีกประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ยกตัวอย่างเช่น
- ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน
- ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ
- ทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว-อุบลราชธานี
- ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง -สุพรรณบุรี
- ทางหลวงหมายเลข 44 กระบี่-ขนอม
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้คัดเลือกเส้นทางนำร่อง คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 บางปะอิน – พยุหะคีรี (ช่วงอยุธยา – อ่างทอง) ระหว่าง กม. 4+100 ถึง กม. 50+000 ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 45.9 กิโลเมตร
แบ่งการใช้ความเร็วเป็น 3 ระดับ คือ ช่องซ้ายสุด ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่องกลางไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในช่องขวาขับขี่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วแตกต่างกันในเส้นทาง ใช้ทางสาธารณะร่วมกันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ 1 เมษายน 2564 เป็นเส้นทางแรก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ครม.ไฟเขียวขาซิ่งเพิ่มความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.
- สรุปจบที่นี่! ฟรี ‘ทางด่วน – มอเตอร์เวย์’ เส้นทางไหนบ้าง ‘สงกรานต์ 2564’
- สงกรานต์ปีนี้ หนักเกินคาด เงินสะพัดเบา 1.1 แสนล้าน ต่ำสุดในรอบ 9 ปี