Economics

เครียด!! จ่ายหนี้ไม่ไหวทำยังไงดี พร้อมเปิดเทคนิคเคลียร์หนี้ให้หมดไว อ่านที่นี่เลย

โควิดรอบใหม่ เริ่มระบาดหนัก! ดันยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศพุ่งทะลุ 30,000 ราย ขณะที่ทั่วโลกติดเชื้อสะสมมากกว่า 135 ล้านราย จากสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเริ่มเครียดว่า “เงินในกระเป๋า” จะเริ่มมีปัญหาอีกครั้ง เมื่อ จ่ายหนี้ ไม่ไหวทำยังไงดี อ่านที่นี่เลย

วิกฤติโควิด ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องดิ้นรนเพื่อหารายได้ให้เพียงพอจุนเจือครอบครัว หลายครอบครัวต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาระหนี้สิน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า คนๆ หนึ่งเป็นหนี้ได้หลากหลาย ตั้งแต่หนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดหลายใบ หนี้รถ-บ้าน-ค้ำประกัน ถ้าเป็นข้าราชการอาจมีหนี้สวัสดิการหลากหลายนอกเหนือจากที่แจกแจงไว้

ในภาวะที่บีบคั้นเช่นนี้ ทางออกที่ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยเลือกคือ

  • หยิบยืมญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อรักษาสภาพคล่องชั่วคราว แต่เมื่อสถานการณ์ด้านรายได้ไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็ไม่สามารถใช้คืนได้ จนเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์จนเข้าหน้ากันไม่ติด เกิดแรงกดดันทางสังคม จนเกิดภาวะเครียด
  • พยายามหนีหนี้ไปสุดขอบฟ้า ทำตัวติดต่อไม่ได้ จนเกิดภาวะดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ หนี้สินพอกพูน และนำมาสู่การยึดทรัพย์
  • พึ่งพิงหนี้นอกระบบทั้งที่ดอกเบี้ยสูงมาก และสุดท้ายต้องเข้าสู่วงจรหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะแค่ดอกเบี้ย 5% ต่อเดือน (ซึ่งส่วนใหญ่มากกว่านั้น) ในเวลาปีเศษ ดอกเบี้ยก็เท่ากับต้นแล้ว นอกจากนี้ บางคนยังเจอเจ้าหนี้คุกคามจนดำเนินชีวิตปกติไม่ได้

จ่ายหนี้

สุดท้ายทุกทางออกข้างต้นล้วนมีปัญหาในที่สุด เพราะเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น คำถามสำคัญคือ เมื่อจ่ายหนี้ไม่ไหว ควรทำอย่างไร? จึงจะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

การแก้ปัญหาหนี้สิน ถ้ามุ่งคิดแต่เรื่องหนี้สินอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะพบทางตัน จำเป็นต้องพิจารณาตัวแปร 3 ตัวที่เกี่ยวข้องกับหนี้ คือ รายจ่าย รายได้ และหนี้สิน

จากประสบการณ์ที่ทำงานร่วมงานกับสถาบันการเงินเกือบ 3 ทศวรรษ และเป็นผู้บุกเบิกงานแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนรุ่นแรกของ ธปท. คิดว่า การแก้ปัญหาหนี้สิน ถ้ามุ่งคิดแต่เรื่องหนี้สินอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะพบทางตัน จำเป็นต้องพิจารณาตัวแปร 3 ตัวที่เกี่ยวข้องกับหนี้ จึงจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และจัดการปัญหาหนี้ได้ถูกต้อง กล่าวคือ

ตัวแปรแรกคือ รายจ่าย แน่นอนว่า เมื่อรายได้ลด เราจะใช้จ่ายเหมือนเดิมคงไม่ได้ และรายจ่ายหลายตัวยังซ่อนตาเราอีกมาก ขณะเดียวกัน เรื่องรายจ่าย เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหาทั้งครอบครัว แต่กลับพบว่า หัวหน้าครอบครัวมักจะแบกปัญหาและรับความเครียดไว้คนเดียว กว่าคนในครอบครัวจะรับรู้ ปัญหาก็บานปลายเกินกว่าจะแก้ไข

ในกรณีที่ครอบครัวช่วยเหลือกัน พบว่า ลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น บางครอบครัวจากที่เคยทานอาหารนอกบ้านเป็นประจำ ต้องหันมาทำอาหารทานเอง แต่ก็ยังไม่พอ ต้องเลือกเมนูอาหารให้เหมาะกับรายได้ด้วย บางคนที่ผ่านพ้นวิกฤติหนี้เล่าว่า เราประหยัดสุดๆ ผักบุ้ง 1 กำ ไข่ดาว 2 ฟอง คือกับข้าว 3 มื้อของครอบครัว ช่วงนี้ก็เน้นข้าวคลุกซีอิ๊วเยอะหน่อย ก็พอไปได้

ตัวแปรต่อมาคือ รายได้ ซึ่งการหารายได้เสริมจะว่าเป็นเรื่องยากก็ยาก แต่พลิกมุมคิดว่า อะไรที่ 2 มือนี้ทำได้ นับเป็นงานเป็นเงินทั้งนั้น” ทำให้มีทางออกได้ไม่ยากนัก จากประสบการณ์ของลูกหนี้รายหนึ่งถูกให้ออกจากงาน แรก ๆ ก็เคว้งคว้าง ช่วงกลางวันก็ทำงานรับจ้าง รายได้ไม่แน่นอน แต่เขาไม่ย่อท้อ ไปรับเศษผ้าจากโรงงานมาเย็บผ้าเช็ดเท้าตอนกลางคืน ซึ่งงานแบบนี้ ถือเป็น “งานอาชีวบำบัด” ทำให้จิตนิ่งได้ สุดท้ายเมื่อเขาหายฟุ้งซ่านจากปัญหาหนี้สิน ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไปสัมภาษณ์งานใหม่ที่ไหนก็มีสติ ในเวลาไม่ถึง 6 เดือน เขาก็ได้งานประจำ ที่มีรายได้มั่นคง

ตัวแปรสุดท้ายคือ หนี้สิน เมื่อจ่ายไม่ไหว ลูกหนี้แทบทุกคนย่อมรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้กับเจ้าหนี้ได้ สุดท้ายก็ดิ้นรนไปหาทางออก 3 ข้อแรก ที่ไม่ขยายไปสู่ปัญหาอื่น ก็ทำให้ปัญหาหนี้สินรุนแรงขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือ การเผชิญหน้ากับปัญหา โดยการเข้าไปปรึกษากับเจ้าหนี้ เปิดใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงความจริงใจและความตั้งใจ

ถ้าเจ้าหนี้รู้ว่า ลูกหนี้คนนี้แม้ไม่มีเงิน หรือมีเงินน้อย แต่มาแสดงตัว และให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินทุกวิถีทาง สิ่งเหล่านี้ คือเครดิต คือความน่าเชื่อถือ ที่เจ้าหนี้ให้คุณค่า เมื่อต่างฝ่ายพยายามทำข้อตกลง แม้จะจ่ายได้ไม่ครบหรือยัง จ่ายหนี้ ไม่ได้ตามข้อตกลงใหม่ แต่เจ้าหนี้ก็ยังเห็นความตั้งใจ การจะส่งฟ้อง ยึดทรัพย์ ลูกหนี้กลุ่มนี้ก็จะอยู่กลุ่มที่จะถูกฟ้องเป็นอันดับท้ายๆ

สุดท้ายนี้ สิ่งที่อยากจะฝากเป็นกำลังใจกับลูกหนี้ทุกคนที่กำลังเป็นทุกข์กับปัญหาหนี้สินว่า ลูกหนี้ทุกคนไม่ได้ต่อสู้กับปัญหาหนี้สินอย่างเดียวดาย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามสร้างช่องทางช่วยเหลือลูกหนี้เอง ร่วมมือกับสถาบันการเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้

จนปัจจุบันช่องทางการดูแลลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (บัตรฯ) เรียกได้ว่า ครบวงจรระดับหนึ่งแล้ว ผ่าน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรฯ” ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้มีโอกาสเลื่อนชำระหนี้ ลดเพดานดอกเบี้ย ขยายงวดการชำระหนี้ และเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

ที่สำคัญ เมื่อมีปัญหานี้อย่าคิดคนเดียว การเปิดใจกับครอบครัวให้ร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน การเข้าไปหาเจ้าหนี้ เพื่อแสดงความตั้งใจและจริงใจ จะช่วยให้ทุกคนมีทางออกร่วมกัน … อย่าลืม! “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน”

จ่ายหนี้

พร้อมเทคนิคเคลียร์หนี้อย่างไรให้หมดเร็ว แล้วไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก

1. สำรวจหนี้สินที่มี

อันดับแรกต้องเริ่มจากสำรวจหนี้สินทั้งหมดที่มีก่อน โดยแจกแจงหนี้ทั้งหมดที่มีออกมาพร้อมรายละเอียดการชำระด้วย จะได้เห็นกันเลยว่า เราเป็นหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ มีเจ้าหนี้อยู่กี่ราย และต้องชำระอะไรก่อนหลัง รวมถึงอ่านรายละเอียดในข้อตกลงให้เข้าใจ ยิ่งในส่วนของกรณีเกิดผิดนัดชำระจะต้องมีค่าปรับหรือเงื่อนไขเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาช่วยบริหารจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. ชำระหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงสุดก่อน

เมื่อเรารู้แล้วว่าตอนนี้เรามีรายการหนี้อยู่กี่อัน ราคาเท่าไหร่ และกำหนดชำระเมื่อไหร่ ให้ไล่เรียงชำระจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อนเพราะหากไม่ทยอยชำระจากหนี้ก้อนนี้ก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ดอกเบี้ยก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก และการจะเคลียร์หนี้สินให้หมดก็จะยิ่งเป็นเรื่องยากแต่หากหนี้แต่ละก้อนมีดอกเบี้ยในอัตราที่เท่า ๆ กัน ให้เลือกชำระหนี้ก้อนที่มียอดเงินน้อย ๆ ก่อนเพื่อลดจำนวนเจ้าหนี้ลง

3. สำรวจพฤติกรรมของตนเอง ลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน

นอกจากสำรวจหนี้สินของตัวเองแล้ว ให้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองด้วย เพราะถึงแม้จะรู้ว่า เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ แต่ถ้ายังใช้จ่ายเท่าเดิม แทนที่จะใช้หนี้เก่าหมด กลับจะมีหนี้ใหม่เพิ่มเข้ามาอีก ดังนั้น ลดรายจ่ายส่วนเกินที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งนี้ แนะนำให้แบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น 3 ส่วน คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังนี้

  • อดีต คือ หนี้สินในอดีต ให้แบ่งเงิน 50% ของรายได้สำหรับใช้หนี้
  • ปัจจุบัน คือ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน ให้แบ่งไว้ 40%
  • อนาคต คือ เงินที่แบ่งไว้สร้างความมั่งคั่งในอนาคต ให้แบ่งไว้ 10%

4. หารายได้ทางอื่นเพิ่มเติม

เมื่อเราสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้แล้ว การหารายได้อื่น ๆ เพิ่มก็จะช่วยให้เราปลดหนี้ได้ไว้ยิ่งขึ้นอาจจะรับทำงานฟรีแลนซ์ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงหลังเลิกงานก็ได้ อย่างน้อยก็สามารถมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำที่ทำอยู่ งานละนิดงานละหน่อย พอรวม ๆ กันอาจช่วยให้ชำระหนี้หมดเร็วขึ้นสัก 1 – 2 งวดก็ได้นะ

ขอบคุณข้อมูล
นางชวนันท์ ชื่นสุข ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท.
นางสาวจุฬารัตน์ เหลืองประสิทธิ์ ฝ่ายวางแผนองค์กร ธปท.
ธนาคารออมสิน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo