Economics

‘อาคม’ ขอเวลาปิดช่องโหว่ทุจริต ‘คนละครึ่ง’ ก่อนเดินหน้าเฟส 3

“อาคม” ขอเวลาปิดช่องโหว่ทุจริต ‘คนละครึ่ง’ ก่อนเดินหน้าเฟส 3 ส่วนโครงการช่วยเหลือและเยียวยาข้าราชการขอให้เป็นไปตามที่ “บิ๊กตู่” ระบุ มั่นใจหลังจากนี้รายได้ของรัฐบาลจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ว่า ต้องขอเวลาระยะหนึ่งในการพิจารณารายละเอียดของโครงการ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีกรณีการเอาเปรียบเรื่องการใช้จ่ายของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ จึงต้องไปดูว่าจะดำเนินการปรับปรุงส่วนนี้อย่างไรเพื่อปิดช่องโหว่ ทำให้ต้องใช้เวลา ดังนั้นโครงการจึงอาจต้องทิ้งช่วงไประยะหนึ่ง

นอกจากนี้ ปัจจุบันรัฐบาลมีการดำเนินโครงการ ม.33เรารักกัน และโครงการเราชนะอยู่ ซึ่งก็เป็นโครงการที่สนับสนุนให้ประชาชนในระดับฐานรากยังมีวงเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ จึงยังไม่ต้องเร่งรีบในการพิจารณาโครงการคนละครึ่ง เฟส 3

อาคม243641

“เคยพูดหลายครั้งแล้ว และวันนี้ก็ยังจะพูดเหมือนเดิมว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จะต้องขอเวลาระยะหนึ่ง ขอเวลาในการประเมินเพราะมีการเอาเปรียบประชาชน ก็ต้องไปดูว่าจะแก้ไขส่วนนี้อย่างไร รวมทั้งต้องมีการพิจารณาถึงดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยว่าเริ่มมีการฟื้นตัวมากแค่ไหน ประชาชนในระดับล่างมีการใช้จ่ายเป็นอย่างไร รัฐบาลเข้าใจดีกว่าโครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะจากผู้มีรายได้น้อย แต่ก็ขอเวลาประเมินผลและพิจารณาแนวทางสักหน่อย” นายอาคม กล่าว

นายอาคม ยังกล่าวถึงโครงการช่วยเหลือและเยียวยาข้าราชการด้วย ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยให้ข่าวไปก่อนหน้านี้

สำหรับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่ต้องใช้เวลาอีก 5 ปี นั้น นายอาคม ระบุว่า 5 ปี ในที่นี้หมายถึงการกลับมาเติบโตแบบเต็มกำลัง เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไทยเคยมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งตามข้อเท็จจริงการฟื้นตัวเต็มที่จะต้องใช้เวลา โดยรัฐบาลคาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศได้ในปลายปีนี้ ดังนั้นการจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา 40 ล้านคนเลยทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ โดยมองว่าหลังจากเริ่มเปิดประเทศในปลายปีนี้ จะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นในปี 2565 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญในระหว่างนี้ คือ การจัดเก็บรายได้ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากภาษี หรือรายได้จากการนำส่งของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเชื่อว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในส่วนต่าง ๆ ให้ขยับเพิ่มขึ้นได้เช่นเดียวกัน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บ และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ก็เดินหน้าสู่การขยายฐานภาษีเพื่อให้คนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะทำควบคู่กับการพิจารณาภาพรวมการใช้จ่ายที่ต้องอยู่ภายใต้หลักการของการประหยัด เน้นลงทุนในโครงการที่คุ้มค่า และต้องเป็นโครงการที่มีความพร้อมเท่านั้น

เชื่อว่าหลังจากนี้รายได้ของรัฐบาลจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีแหล่งเงินจากส่วนอื่น ๆ อีก เช่น การกู้เงิน ซึ่งรัฐบาลยังมีช่องว่างที่สามารถทำได้ ทั้งการกู้เพื่อมาลงทุนในโครงการพัฒนาประเทศ และการกู้เพื่อปิดหีบงบประมาณ โดยการกู้เงินจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ” นายอาคม กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo