พลังงานปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล เป็น 6.8 % มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หวังดูดซับน้ำมันปาล์มส่วนเกินอีก 62,000 ตันต่อปี อีก 2 เดือนปรับเพิ่มอีกเป็น 6.9%
นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่าวันนี้ ( 31 ตุลาคม) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือกับผู้ค้ามาตรา 7 ทุกราย เพื่อหาสรุปการเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซล หรือ บี 100 ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 จากปัจจุบันที่กำหนดส่วนผสม ที่ 6.5 – 7.0 % ซึ่งผู้ค้าผสมเฉลี่ยอยู่ที่ 6.6 % ให้เพิ่มสัดส่วนผสมเป็น 6.8 % ซึ่งจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นประมาณ 62,000 ตันต่อปี มีผลนับจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ทำให้การใช้น้ำมันปาล์มดิบในการนำมาผสมเป็นน้ำมันดีเซลเพิ่มจากที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน 1.3 ล้านตันต่อปี
และหลังดำเนินการ 2 เดือน จะเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลเป็นเฉลี่ย 6.9 % โดยปริมาตร ซึ่งจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 ตันต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับค่ายรถยนต์ไปแล้ว ซึ่งเห็นด้วยที่จะเพิ่มส่วนผสมบี 100 ในดีเซลหมุนเร็วบี 7 แต่ต้องไม่เกิน 7% ตามมาตรฐานของยุโรป EN 590
ทั้งนี้การปรับส่วนผสมดีเซลหมุนเร็วบี 7 เพื่อเพิ่มการใช้ปาล์มน้ำมันดิบ แก้ปัญหาให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาปาล์มตกต่ำเป็นการเร่งด่วน
รายงานปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 2561 ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) ได้ประมาณการว่า อยู่ที่ 15.389 ล้านตัน ขณะที่ข้อมูลผลการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 ปรากฏว่ามีสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือ 375,591 ตัน สูงกว่าระดับสต็อกปกติของประเทศที่ควรจะมีที่ 250,000 ตัน
ทั้งนี้การมีสต็อกในระดับสูงมากดังกล่าว เป็นปัจจัยลบ ทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อรายได้ และคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องมีการดำเนินมาตรการดูดซับสต็อกส่วนเกิน จำนวน 125,591 ตัน เพื่อให้ปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์ม ณ วันที่ 30 ตุลาคม อยู่ที่ 3.15 บาทต่อกก.เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ 3.05 บาทต่อกก. ส่วนราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ 17,5 บาทต่อกก.ยังคงลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ในระดับ 18 บาทต่อกก. ส่วนราคาบี 100 อยู่ที่ประมาณ 22 บาทต่อลิตร
