“วายแอลจี” ประเมินทิศทางทางคำสดใส หลังเฟดคงดอกเบี้ย ชี้ยังไม่ใช่ขาขึ้นแม้เริ่มฟื้นตัวในรอบ 2 สัปดาห์ มองยังเป็นแค่การรีบาวด์ระยะสั้น แนะจับตาแนวต้านสำคัญที่ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์
วายแอลจี ประเมินทิศทางทางคำสดใสหลังเฟดคงดอกเบี้ยแต่ยังไม่ใช่ขาขึ้นแม้เริ่มฟื้นตัวในรอบ 2 สัปดาห์ ยังเป็นแค่การรีบาวด์ระยะสั้นเหตุแม้ผ่าน 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่ยังติดแนวต้านสำคัญในระยะสั้นที่ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (25,700 บาท) ชี้หากไม่เบรกแนวต้านยังมีสิทธิ์ปรับลงเข้าใกล้ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนะนักลงทุนจับตาข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอย่างต่อเนื่อง แม้การประชุมเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยแต่กลับมีมุมมองต่อเศรษฐกิจดีขึ้น อาจกดดันราคาทองในอนาคต ล่าสุด เปิดตัว YLG Online แอปพลิเคชั่นเทรดทองคำเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มทางเลือกในการลงทุน พร้อมเพิ่มออฟชั่นระบบทดลองเทรดสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการหาประสบการณ์ก่อนลงสนามจริงที่ www.ylgopenacc.com
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบ 2 สัปดาห์ แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีแต่เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ มาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทิศทางจึงเป็นการรีบาวด์ที่ยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าราคาทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้น
โดยทิศทางตอนนี้ เป็นไปได้ทั้งการไปต่อ หรือการปรับลดลง ทั้งนี้ แม้หลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ จะส่งผลให้ราคาทองคำ สามารถผ่านระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ หรือประมาณ 25,400 บาทต่อบาททองคำ (คาดการณ์ที่ค่าเงินบาท 30.83 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งในช่วงสั้น ๆ อาจจะมีการปรับขึ้นไปถึง 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 25,700 บาทต่อบาททองคำ แต่หากไม่สามารถผ่านได้ ยังมีโอกาสที่จะราคาปรับลดลงมาแถว ๆ 1,720-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 24,900 บาทต่อบาททองคำ อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำสามารถทะลุ 1,760 ดออลาร์ต่อออนซ์ ทิศทางในระยะสั้นจะสดใสมากขึ้น โดยมีโอกาสปรับขึ้นไปต่อที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 26,300 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับทิศทางในระยะกลางของทองคำ ยังเป็นลักษณะการค่อยปรับตัวลดลง (Sideway Down) จึงอาจจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ทำให้ทองคำมีการปรับฐานอีกรอบ ดังนั้น หากมีการดีดตัวขึ้นไปแถว ๆ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์สามารถใช้เป็นจังหวะขายทำกำไรได้ แต่หากผ่านได้อาจถือต่อ ส่วนแนวรับมองที่ 1,720-1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ส่วนปัจจัยที่ยังมีผลกระทบ ต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงมีผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ เพราะหากเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลลบต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม แม้ว่าการประชุมในรอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำตามคาด และจะยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายใน 1 – 2 ปีนี้ แต่การคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มมีมุมมองดีขึ้นนั้น ก็ถือเป็นปัจจัยกดดันทองในอนาคตได้
ล่าสุด YLG ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น YLG Online สำหรับการซื้อขายทองคำแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยปัจจุบันให้บริการรองรับระบบ iOS และจะขยายการให้บริการครอบคลุมระบบ android ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาระบบทดลองเทรดสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการหาประสบการณ์เสมือนการซื้อขายจริงเพื่อให้เกิดความเข้าใจก่อนการลงทุน โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ylgopenacc.com
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นสำหรับนักลงทุน ที่ต้องการลงทุนในทองคำแท่ง โดยการวางเงินหลักประกัน 50,000 บาท สามารถซื้อขายทองคำแท่ง 96.5% ได้ 60 บาททองคำ และซื้อทองคำแท่ง 99.99% ได้ 1 กิโลกรัม และสำหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อทางออนไลน์ผ่าน www.ylgprecious.co.th/
ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำแท่งสามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.ylgbullion.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-687-9888 และผ่านทางเพจเฟสบุ๊คของบริษัท https://www.facebook.com/YLGGroup และหากสนใจการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Online Futures และ Gold Futures ) สามารถติดต่อได้ทาง www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-687-9999
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทองคำในประเทศวันนี้ 19 มี.ค. ร่วง 50 บาท ตามต่างประเทศอยู่ที่ 1,730 ดอลลาร์
- ทองฟิวเจอร์ ดิ่งหนัก หลุด 1,720 ดอลลาร์ บอนด์ยีลด์พุ่ง-ดอลล์แข็ง ทุบตลาด
- ทองคำในประเทศปิดวันนี้ 18 มี.ค. ขยับ 100 บาท ต่างประเทศสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์