Economics

สัปดาห์หน้าชัด! ‘เราชนะ’ หว่านเงินเยียวยาทั่วประเทศหรือเฉพาะพื้นที่สีแดง

เราชนะ สัปดาห์หน้าชัด! “สุพัฒนพงษ์” ถก “อาคม” หาข้อสรุปมาตรการเยียวยา เตรียมสรุปทั้งหมดให้ ครม.พิจารณา 19 ม.ค.นี้ ยันตอบได้ทุกคำถามแน่นอน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีมาตรการเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายใต้โครงการ “เราชนะ” โดยให้เงิน 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน

โดยระบุว่า ได้หารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีการสรุปในรายละเอียดเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและให้ความเห็นชอบในวันที่ 19 มกราคม 2564 ต่อไป

“จากนี้ต้องให้ รมว.คลัง สรุปอีกทีว่า จะเยียวยา 3,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือน ทั้งหมด หรือเฉพาะพื้นที่สีแดงควบคุมสูงสุด จำนวน 28 จังหวัด หรือจะให้ใครบ้างในอังคาร (19 ม.ค.) แต่มีการเยียวยาแน่นอน ยืนยันว่าสามารถตอบคำถามได้ทุกคำถาม” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เราชนะ

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงกรณีสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) แสดงความคิดเห็นว่า 2 เดือนน้อยเกินไป และการเยียวยารอบนี้อาจต้องใช้เวลานานกว่าเดิม ว่า ต้องพิจารณาจากรายงานแนวโน้มสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ดีขึ้นหรือแย่ลง อย่างไรก็ดี ทั้งหมดทั้งปวงขึ้นอยู่กับคนไทยช่วยกัน ถ้าเราไม่ช่วยกันอย่างไรก็ระบาดนาน ต้องตระหนักรู้เรื่องมาตรการสุขอนามัย ใส่หน้ากาก ทิ้งระยะห่าง เจลแอลกอฮอลล์ ติดตั้งแอพลิเคชั่น “ไทยชนะ”

ทั้งนี้ ถ้าไม่ทำตามมาตรการสาธารณสุข สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็จะนาน ทำให้เยียวยาอย่างไรก็ไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม การกำหนดมาตรการเยียวยาไว้ 2 เดือน เพราะดูทิศทางจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น และสามารถควบคุมได้ดีขึ้น จากมาตรการตรวจเชิงรุกและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ รวมถึงความร่วมมือของประชาชน และอีกไม่นานวัคซีนจะเริ่มทยอยเข้ามาฉีดให้กับคนไทย

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ถ้าคนไทยช่วยกันรักษาวินัย ทำตามมาตรการสุขอนามัย เพื่อผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ผ่านไปได้ 2 เดือนยิ่งดีมาก เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำได้เร็วขึ้น คราวที่แล้ว 3 เดือน ทำไมเราต้องคิดว่าต้อง 3 เดือน ทำไมเราไม่คิดว่า 2 เดือน ในเมื่อเรามีการเรียนรู้ เรามีประสบการณ์จาก 3 เดือนก่อนหน้าไปแล้วเมื่อช่วงการระบาดรอบแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

ส่วนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ต้องช่วยให้รัฐบาลทำงานเบาลง ด้วยในการดึงดูดเอกชนไทย และเอกชนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เราเจอเรื่องเดิม เราจะดีกว่าเดิม ไม่ใช่ระบาดรอบที่แล้วก็ 3 เดือน รอบนี้ก็ 3 เดือน ไม่ใช่ คราวนี้ต้อง 2 เดือน ครั้งที่แล้วเยียวยา ครั้งนี้ก็ต้องเบาลงไปหน่อย เพราะเราไม่ได้ปิดล็อกทั้งหมด เพราะเราใช้โมเดลใหม่

“ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาล หลายคนบอกว่า ทำไมไม่ทำแบบเดิม เพราะเราไปคิดแบบเดิม ต้องพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่า คนไทยช่วยกันและดีขึ้น เราเจอเหตุการณ์ 2 ครั้ง เราทำข้อสอบเก่า แต่ทำข้อสอบได้เท่าเดิม ได้คะแนนเท่าเดิม ต้องตั้งเป้า อาจจะได้คะแนนเท่าเดิม ผมไม่ว่า ถ้าเหตุการณ์ทำไม่ได้จริง ๆ แต่เราตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ดีกว่าเดิม โจทย์อาจจะยากกว่าเดิม แต่เป้าหมายเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาลักษณะนี้มีความไม่แน่นอนสูง การออกมาตรการต่าง ๆ ต้องดูตามหน้างาน ดูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ต้องใช้ แต่ต้องติดตามสถานการณ์ทุกวัน ซึ่งท่านนายกฯ ก็ติดตามทุกคน ไม่ใช่มุมเศรษฐกิจอย่างเดียว เพราะโยงกันหมด เช่น การควบคุมการระบาด

“ส่วนเรื่องความมั่นคง การตรวจตราดูแลการจับผู้กระทำผิด ทำ สื่อมวลชนต้องช่วยประชาสัมพันธ์ หมายเลขสายด่วนรัฐบาล 1111 เห็นการกระทำผิดกฎหมายที่ไหน เห็นการละเมิดต่าง ๆ แจ้ง 1111 ทุกช่องทาง ช่วยกันเถอะครับ แล้วเราจะแก้ไขปัญหาได้ ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง สายด่วน 1111 ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผมหน่อย วิธีที่จะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ หรือ การระบาดระลอกสองได้ คือ พวกเราทุกคน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ไม่เคยคิดว่าต้องดีเท่าเดิม ต้องใช้เวลา 3 เดือนในการแก้ ควรจะต้องตั้งเป้า 2 เดือน เดือนมีนาคมนี้ต้องเอาให้อยู่ ถ้าคนไทยทุกคนช่วยกัน เห็นอะไรไม่ถูกกฎหมายก็ต้องช่วยกัน 1111 แล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นเอง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแสใครกระทำความผิด เพราะยังมีในบ่อนให้จับอยู่เรื่อย ๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo