Economics

ระทึก!! คาดโควิดรอบใหม่กระทบเศรษฐกิจเฉียด 45,000 ล้านบาท

โควิดรอบใหม่ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยอาจได้รับผลกระทบประมาณ 45,000 ล้านบาท ในกรอบเวลาเพียง 1 เดือน

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิดรอบใหม่ ซึ่งเริ่มต้นจากตลาดกุ้งในสมุทรสาครเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2563 จนกระทั่งนำมาสู่การล็อกดาวน์ชั่วคราว จังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2563 ถึง 3 มกราคม 2564
ขณะเดียวกัน ยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่กระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ ในหลายจังหวัดของประเทศไทย

ในเบื้องต้น ภายใต้กรณีที่ไม่พบคลัสเตอร์ ของจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดอื่น หรือเหตุการณ์ไม่ลุกลาม จนนำมาสู่การล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย อาจได้รับความสูญเสียจากการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 คิดเป็นมูลค่าราวๆ 45,000 ล้านบาทในกรอบเวลา 1 เดือน โดยจำแนกผลกระทบได้ดังนี้

– ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประมงและอาหารทะเล ที่อาจมีมูลค่ารวมกันราว 13,000 ล้านบาท จากความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดการชะลอการบริโภคสินค้าประมง และ อาหารทะเลในระยะสั้น นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าว ในระยะถัดไป ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง โดยเฉพาะในด้านขั้นตอนการตรวจสอบ และ กระบวนการต่างๆ ที่คู่ค้าอาจหยิบยกให้ผู้ประกอบการไทยมีการดำเนินการเพิ่มเติม ถึงแม้ขณะนี้จะยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าก็ตาม

ทั้งนี้ สมุทรสาคร นับเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักในธุรกิจการประมง และ การแปรรูปสัตว์น้ำ โดยปริมาณสัตว์น้ำสดที่ใช้ในธุรกิจการประมงและการแปรรูปสัตว์น้ำเค็ม มีสัดส่วนเกือบ 40% ของทั้งประเทศ (ไม่รวมวัตถุดิบนำเข้า) การล็อกดาวน์ จึงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าและการผลิตหมวดนี้ไม่น้อย

โควิดรอบใหม่
ภาพจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร

อย่างไรก็ตาม การสร้างความเชื่อมั่น ต่อความปลอดภัยของสินค้า และ กระบวนการผลิต โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน คงจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ นอกจากนี้ ผลกระทบดังกล่าว ยังนับว่า อยู่ในขอบเขตที่ค่อนข้างจำกัด จากการที่ผู้บริโภคและผู้ใช้วัตถุดิบ ยังมีทางเลือกในการซื้อ และ จัดหาสินค้าจากแหล่งอื่น อีกทั้ง มีประเภทอาหารที่หลากหลายและเพียงพอ ขณะที่โดยปกติประชาชนส่วนใหญ่ก็นิยมบริโภคสินค้าประมง และ อาหารทะเล ในสัดส่วนที่น้อยกว่าเนื้อสัตว์อย่างหมู และ ไก่อยู่แล้ว

– ความสูญเสียจากการที่ประชาชนชะลอการทำกิจกรรมในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ได้แก่ การเลี้ยงสังสรรค์ การจัดกิจกรรมต่างๆ การลดความถี่ในการใช้จ่ายที่ร้านค้าปลีก เป็นต้น (ไม่รวมการเดินทางท่องเที่ยว)

ขณะที่ ประชาชนอาจมีการจัดหาหรือสำรองสินค้าจำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ อาหารพร้อมปรุง/พร้อมทาน เป็นต้น เพิ่มเติมจากช่วงก่อนหน้านี้บ้าง รวมทั้ง คงจะหันไปทำกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แทนการออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน

– ความสูญเสียจากการชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปประมาณ 17,000 ล้านบาท หรือราว 30% ของรายได้ท่องเที่ยวในช่วงเวลา 1 เดือน ภายใต้กรณีที่ยังไม่ได้มีประกาศห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดในภาคตะวันตก และ ภาคกลาง รวมกรุงเทพฯ ตลอดจนจังหวัดรอยต่อชายแดน ระหว่างไทยและเมียนมา

อย่างไรก็ดี ประชาชนบางส่วน ที่ยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังพื้นที่ หรือ จังหวัด ที่ไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อทดแทนได้เช่นกัน

นอกจากความสูญเสียทั้ง 3 ด้านแล้ว สถานการณ์ COVID-19 รอบใหม่นี้ ยังอาจสร้างผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างชัดเจนด้วย อาทิ ผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการที่ค้าขายสินค้าอื่นๆ ในตลาด จากการที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการสัญจรโดยเฉพาะการสัญจรไปในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือพบผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 ที่สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจ และ อุตสาหกรรมข้างต้น เป็นกรอบการประเมินเบื้องต้นจนถึง ณ ขณะนี้เท่านั้น ซึ่งคงจะต้องมีการทบทวน และ ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คงจะต้องร่วมมือกันในการดูแลและจำกัดผลกระทบทั้งในมิติด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้เหตุการณ์ค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ สามารถควบคุมได้ และภาครัฐมีมาตรการที่สร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสที่มูลค่าความสูญเสียจะต่ำกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo