Economics

เปิด 6 กลโกง ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เอกชนกว่า 500 แห่งเข้าข่ายทุจริต!

โกงเราเที่ยวด้วยกัน ททท. เปิด 6 กลโกงพร้อมแจ้งเลื่อนลงทะเบียนเฟส 2″ หลังพบ 312 โรงแรม ร้านค้า 202 แห่ง เข้าข่ายทุจริต ยันโครงการในภาพรวมยังเดินหน้าต่อได้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีการร้องเรียนทุจริต “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” ว่า ททท. ได้มีการหารือกับหน่วยงานภาคเอกชน และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ กระทรวงการคลัง และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในเรื่องดังกล่าว

จากการตรวจสอบ พบว่า มีโรงแรม 312 แห่ง และ ร้านค้า 202 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการมีพฤติกรรมต้องสงสัยเข้าข่ายทุจริตโครงการรัฐ โดยลักษณะของพฤติกรรมต้องสงสัย มีอยู่ 6 รูปแบบ ประกอบด้วย

1. จองห้องพักโรงแรมราคาถูก ผ่านแอปฯ มีการเช็คอิน แต่ไม่ได้เข้าพักจริง แต่ได้ประโยชน์จากการใช้คูปอง

2. โรงแรมขึ้นราคาค่าห้อง และ รู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร โดยมีการซื้อขายสิทธิ์กัน ไม่ได้มีการเดินทางจริง โดยผู้ขายสิทธิ์จะส่งเลข 4 ตัวท้ายบัตรประชาชน และ เบอร์มือถือ เพื่อทำการเช็คอินแต่ไม่พักจริง

3. โรงแรมมีตัวตนจริง ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่เปิดบริการ แต่กลับมีการขายห้อง และขอรับงบประมาณช่วยเหลือจากรัฐ

4. มีการใช้ส่วนต่างคูปองเติมเงิน โดยร้านค้าจะใช้คูปองเต็มจำนวนบ่อยครั้ง

โกงเราเที่ยวด้วยกัน

5. มีการเข้าพักจริงแต่เป็นกรุ๊ปเหมา โดยโรงแรมจะตั้งราคาสูง และได้เงินทอน ส่วนใหญ่เป็นการจองตรงกับโรงแรม

6. มีการกินส่วนต่างของการขายห้องเกินจำนวนที่โรงแรมมี เช่น โรงแรมมีห้องพัก 100 ห้องแต่เปิดขาย 300 ห้อง โดยใช้วิธีอัปเกรดให้โรงแรมอื่น แล้วกินส่วนต่าง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจพบ พฤติกรรมต้องสงสัย เข้าข่ายการทุจริตโครงการรัฐ ดังนั้น ททท. จึงจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ ที่เดิมจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.63) ออกไปก่อน ด้วยเหตุผลด้านการตรวจสอบและปราบปรามทุจริต

“แต่ยืนยันว่าโครงการในภาพรวมยังเดินต่อได้ ซึ่งต้องระวังผู้ฉวยโอกาส และจะไม่กระทบการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ เนื่องจากเชื่อว่ามีการจองห้องพักล่วงหน้าไว้แล้ว” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับปรุง “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” ทั้งเพิ่มจำนวนการจองห้องพัก ขยายระยะเวลาโครงการฯ รวมทั้ง สนับสนุนค่าเครื่องบินจาก 2,000 บาท เป็น 3,000 บาท ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยว พร้อมปรับลดกรอบวงเงินโครงการฯ เหลือ 15,000 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. ปรับปรุงขอบเขตการใช้สิทธิจำนวนการจองห้องพัก จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน (Room night) ต่อ 1 สิทธิ สามารถจองที่พักเพิ่มอีก 5 คืน (Room night) เป็น 15 คืน (Room night) ต่อ 1 สิทธิ์

2. เพิ่มจำนวนห้องพักอีก 1 ล้านคืน (Room night) จากเดิม 5 ล้านคืน (Room night) เป็น 6 ล้านคืน (Room night)

อนุชา1411

3. ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย

  • การใช้สิทธิ โครงการ จากสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2564 เป็นวันที่ 30 เม.ย. 2564
  • การจองโรงแรมที่พัก จากช่วงเวลา 06.00 – 21.00 น. เป็นช่วงเวลา 06.00 – 24.00 น.

4. เพิ่มโรงแรมที่พักที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการโรงแรม แต่ต้องมีหมายเลขประจำตัวของผู้เสียภาษี (Tax ID) และมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

5. อนุมัติให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยวสามารถรับ E-Voucher ได้ ประกอบด้วย ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ รถเช่าเพื่อการท่องเที่ยว และเรือเช่าเพื่อการท่องเที่ยว โดยมีเงื่อนไขว่าต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่เป็นหน่วยงานภาครัฐ มีการเก็บค่าใช้บริการ และต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการอย่างถูกต้องจากหน่วยงานภาครัฐ

6. ปรับเกณฑ์การสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จาก 2,000 บาทต่อที่นั่ง เป็น 3,000 บาทต่อที่นั่งเฉพาะเมืองหลักทางการท่องเที่ยว 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีอัตราการร่วมจ่าย (Co-pay) เท่าเดิม

7. กำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ลงทะเบียนและใช้สิทธิ โครงการฯ โดยกำหนดให้แสดงหลักฐานประกอบการลา ได้แก่ (1) หลักฐานแสดงการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ และ (2) หลักฐานแสดงการเช็คอินและเช็คเอ้าท์โรงแรงที่พักตามโครงการฯ

8. จัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางในรูปแบบ Consumer Fair จำนวน 3 ครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ พร้อมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเข้าร่วมโครงการฯ ควบคู่กับมาตรการสาธารณสุขต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว งบประมาณ 9 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียด “โครงการกำลังใจ” โดย เปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมของโครงการฯ (เป็นบริษัท นำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยว โดยจดทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563) รวมบริษัทนำเที่ยวที่กรอกรายการนำเที่ยวไม่ครบ 15 รายการ สามารถกรอกเพิ่มเติมได้

ทั้งนี้ หากกรอกครบ 15 รายการแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมได้อีก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo