Economics

จับมือถือให้แน่น! 16 ธ.ค. ผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 1 รอรับ SMS ให้ดี

คนละครึ่งเฟส 2 เตรียมเปิดให้ลงทะเบียน 16 ธันวาคมนี้ ลุ้นให้สิทธิเพิ่มมากกว่า 5 ล้านคน ส่วนผู้ที่ได้สิทธิเฟส 1 แล้ว “กระทรวงการคลัง” จะส่ง SMS ให้ยืนยันเข้าร่วมเฟส 2

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะเสนอมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 2” ให้ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และจะให้มีการลงทะเบียนใหม่เพิ่มอีก 5 ล้านคน ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 และเริ่มใช้เงินในวันที่ 1 มกราคม 2564 ไปจนถึง 31 มีนาคม 2564 โดยได้วงเงินใช้จ่ายคนละครึ่งอยู่ที่คนละ 3,500 บาท

สำหรับ ผู้ที่รับสิทธิ คนละครึ่งเฟส 1 จำนวน 10 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563 จะมีข้อความให้ไปทางโทรศัพท์ให้ยืนยันเข้าร่วมเฟส 2 ซึ่งหากเข้าร่วมจะได้รับเงินเพิ่มอีก 500 บาท ในวันที่ 1 มกราคม 2564 และใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ทั้งวงเงินเก่าที่ได้ 3,000 บาท และยังใช้ไม่หมด และวงเงินเก่าที่ได้ใหม่อีก 500 บาท

อย่างไรก็ตาม นายอาคม กล่าวว่า การลงทะเบียนใหม่เฟส 2 อาจจะมีมากกว่า 5 ล้านคนเล็กน้อย เพราะจะนำยอดที่เหลือของเฟสแรก ที่ไม่เต็ม 10 ล้านคน อยู่จำนวนเล็กน้อยมาลงทะเบียนใหม่ด้วย

คนละครึ่งเฟส 2

ทั้งนี้ นอกจากโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และการแจกเงินเพิ่มให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ 14 ล้านคน อีกคนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน มกราคม – มีนาคม 2564 เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนแล้ว กระทรวงการคลัง ยังพิจารณาของขวัญปีใหม่ ให้กับประชาชนเพิ่มเติมอีก ส่วนมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” หักลดหย่อน 3 หมื่นบาท ต้องใช้ภายในสิ้นปีนี้ จะไม่มีการต่อขยายเวลาหรือเฟส 2 ให้ใช้ถึงปีหน้า

“มาตรการคนละครึ่งคึกคัก ประชาชน ร้านค้าในตลาด มีการใช้จำนวนมาก สิ่งที่สำคัญ คือ ไม่ได้ซื้อที่ร้านค้าแล้วจบ ร้านค้าก็ต้องไปซื้อวัตถุดิบมาขายเพิ่ม รายใหญ่ก็ได้ประโยชน์ทางอ้อมไปด้วย ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในเศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจโดยรวม” นายอาคม กล่าว

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 2” โดยจะมีรูปแบบเช่นเดียวกับระยะแรก คือ ภาครัฐจะร่วมจ่าย 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน โดยมาตรการ ระยะที่สอง จะมีรายละเอียดเพิ่มเติม คือ

  • เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิเพิ่มเติมจำนวน 5 ล้านคน ระยะเวลาการใช้เงินตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2564 โดยจะได้รับวงเงินคนละ 3,500 บาท
  • เพิ่มวงเงินผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่หนึ่ง อีกคนละ 500 บาท และจะขยายระยะเวลาการใช้สิทธิมาตรการระยะที่หนึ่งออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่หนึ่ง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระยะที่สองได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาอนุมัติหลักการเห็นชอบต่อไป

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.9 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,526,815 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 33,754 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 17,236 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 16,518 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 181 บาทต่อครั้ง

โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช ชลบุรี และเชียงใหม่ ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน โดยมีระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนมีนาคม 2564

คนละครึ่งเฟส 2

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้ร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือดำเนินการด้วยวิธีการอื่นๆ ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

เนื่องจาก เป็นการเอาเปรียบประชาชนและทำลายบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยอีกทั้งเป็นการดำเนินการที่ผิดเงื่อนไขของโครงการซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ตลอดจนช่วยให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น

รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากท่านพบพฤติกรรมการขึ้นราคาสินค้า หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ อาทิ การรวมค่าบริการอินเตอร์เน็ตมือถือของร้านค้าอยู่ในราคาสินค้า ท่านสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการสามารถส่งข้อมูลมาที่ [email protected] หรือติดต่อ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 3527 3548 3509 (เวลาราชการ) หรือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144 (24 ชั่วโมง)

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้มีการประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและตรวจสอบประเด็นดังกล่าวด้วยแล้ว หากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำที่ผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชันตลอดจนการจ่ายเงินของร้านค้าทันที และอาจจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือร้านค้าให้ซื่อสัตย์ต่อประชาชนและขอให้ประชาชนรักษาสิทธิของตัวเองด้วย โดยขอให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการอย่างเคร่งครัด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo