Economics

ชัด! ‘รมว.คลัง’ เคาะเตรียมพร้อมดีเดย์โครงการ ‘คนละครึ่งเฟส 2’ แล้ว

คนละครึ่งเฟส 2 ชัดแล้ว! “รมว.คลัง” เคาะดีเดย์โครงการ 1 มกราคม 2564 หวังช่วยเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัว 4.5% ยันปีนี้เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 2564 รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลัง มีแผนที่จะออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวได้ 3.5 – 4.5%

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2 ที่ติดลบ 12.2% และหลังจากนี้มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ติดลบลดลงมาอยู่ที่ 6% รวมถึงเสถียรภาพทางการคลังยังมีความแข็งแกร่ง 4 เท่าของหนี้ระยะสั้น ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 49.4% อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่ไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี

คนละครึ่งเฟส 2
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

“S&P ยืนยันอันดับเครดิตของไทยที่ BBB+ สะท้อนถึงการเงินที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เขาอยากเห็นเพิ่มเติม คือ การลงทุนที่ปัจจุบันไทยมีอัตราการลงทุนที่ต่ำมาก แม้ว่า 6 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาก แต่ยังเป็นระลอกแรกของเมกะโปรเจค ดังนั้นการลงทุนในภาครัฐยังมีความสำคัญในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในกทม.และหัวเมืองต่างๆ” นายอาคม กล่าว

อย่างไรก็ดี นโยบายของกระทรวงการคลัง ยังเน้นการเดินหน้า ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงสนับสนุนการ และจะผลักดันในโครงการที่มีศักยภาพ และสามารถเติบโตได้ในอนาคต เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอทีและดิจิทัล ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ

ขณะเดียวกัน ยืนยัน มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงิน เพื่อลงทุนในระยะต่อไป โดยรัฐบาลยืนยันจะทำด้วยความระวังและรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการกู้เงินและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินของเอกชน ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลยังมีพื้นที่เหลือในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปได้

ทั้งนี้ การดูแลรายได้ นับเป็นวาระที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการปฏิรูปภาษี ที่จะส่งเสริมผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งควบคู่กับการมีเทคโนโลยีที่ดี เพื่อให้สามารถจัดเก็บรายได้ รวมถึงขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย

คนละครึ่งเฟส 2
นายอมรเทพ จาวะลา

ด้าน นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่ดี ช่วยกระจายเม็ดเงินเข้าถึงประชาชน ลงสู่ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย แม้เม็ดเงินจะไม่มาก แต่กระจายตรงช่วยทำให้เม็ดเงินหมุนเร็ว ช่วยการบริโภคภาคเอกชนให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง หากรัฐบาลจะดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 2 ต่อในปี 2564 ก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าไม่คงทน สินค้าอุปโภค บริโภค แต่สินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ รถยนต์ ที่อยู่อาศัย ยังชะลอตัว ดังนั้น เห็นว่า รัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เช่น การเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และสนับสนุนการจ้างงานในชนบท สร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อเติมเงินให้กับแรงงาน

ขณะที่ นายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวถึงการต่ออายุโครงการ คนละครึ่ง ว่า รัฐบาลควรพิจารณาจากฐานข้อมูล ทั้งรูปแบบการใช้จ่าย และ ระยะเวลาการใช้จ่ายในเฟสแรก เพื่อปรับรูปแบบการดำเนินมาตรการเฟส 2 ให้มีความเหมาะมากขึ้น

“หากยอดใช้จ่ายในเฟสแรก เน้นไปที่การซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน จะสะท้อนว่าประชาชนยังอยู่ในภาวะลำบาก และจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการในรูปแบบเดิม แต่หากยอดใช้จ่ายไปอยู่ที่การซื้อสินค้า เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับมากขึ้น แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง จะสะท้อนว่า ประชาชนมีความพร้อมในการใช้จ่ายสินค้ากลุ่มอื่นที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น”

ดังนั้น รัฐบาลก็ควรปรับรูปแบบมาตรการควบคู่กับการออกมาตรการอื่นเสริม เพื่อช่วยผู้ค้ารายย่อยในกลุ่มสินค้าเหล่านี้แทน ที่สำคัญต้องมีการแจ้งความชัดเจนล่วงหน้า รวมทั้งควรมีมาตรการอื่นที่จะส่งผลดีระยะยาว เช่น มาตรการจ้างงาน หรือการเพิ่มรายได้ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo