เราเที่ยวด้วยกัน ปังมาก! “ททท.” เล็งขยายโครงการยาวถึงสงกรานต์ปีหน้า ชี้เป็นความสำเร็จอีกหนึ่งโครงการ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่า โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้รับการตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากประชาชนเริ่มเข้าใจการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” มากขึ้น ผ่านโครงการคนละครึ่ง ทำให้ปัจจุบันยอดเข้าพักจาก 5 ล้านห้อง/คืน ปัจจุบันเหลือ 1.2 ล้านห้อง/คืน และเชื่อว่าเมื่อสิ้นสุด 31 มกราคม ปริมาณการใช้สิทธิอาจเต็ม 5 ล้านห้อง/คืน
สำหรับโครงการดังกล่าว นับว่า เป็นความสำเร็จอีกหนึ่งโครงการ เป้าหมายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากนัก และเชื่อว่า รัฐบาลจะมีโครงการลักษณะนี้ต่อในช่วงตรุษจีน หรือ สงกรานต์ปี 2564 นี้
อย่างไรก็ตาม งบประมาณในการดำเนินโครงการอาจใช้เม็ดเงินที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน วงเงินทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ซึ่งสนับสนุนการเข้าพักไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้อง/คืน ซึ่งคิดเป็นค่าห้องสูงสุด 7,500 บาทต่อคืน แต่ปัจจุบันผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันยังคงอยู่ที่ระดับค่าห้อง 2,800 บาท เท่านั้น
สำหรับแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความปลอดภัยของประชาชนไทย ซึ่งรัฐบาลดำเนินการหารือเปิดประเทศกับประเทศที่ไม่มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ททท.เตรียมประกาศปี 2564 – 2565 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยปรับโครงสร้างการพึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศให้สูงขึ้นจากปี 2562 ที่อยู่ระดับ 35% และการท่องเที่ยวต่างชาติ 65% โดยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
ขณะนี้ นักท่องเที่ยวทั่วโลก ต้องการเดินทางมาไทย และ แนวทางของรัฐบาล ต้องการปรับรูปแบบ เน้นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นักกีฬา เป็นต้น ซึ่งในปีหน้า ททท. มีการวางแผนการตลาดดึงกลุ่มนี้ เข้ามาในประเทศมากขึ้น และตั้งเป้าภายใน 2 ปี หรือ ปี 2565 รายได้จากการท่องเที่ยวจะกลับมาใกล้เคียงปี 2562 ที่ระดับ 2.7 ล้านล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนนี้ว่า มีระเบียบวาระที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาหลายเรื่อง อาทิ การปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยการปลดล็อกเงื่อนไขหลายประการ ประกอบด้วย
1. ลดลำดับขั้นตอนและความยุ่งยากในการใช้งานเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงโครงการได้ง่ายขึ้น
2. อนุญาตให้นำแพ็กเกจทัวร์เข้าสู่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ประกอบด้วยแพ็กเกจทัวร์หลัก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่องเที่ยวสูงวัยที่มีศักยภาพทางการเงินและมีเวลาว่างในวันธรรมดา ที่เสนอโดยสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และกลุ่มท่องเที่ยวพรีเมี่ยมเจาะกลุ่มไทยเที่ยวนอกที่มีศักยภาพทางการเงินดีซึ่งเสนอโดยสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA)
3. อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจองและจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน 60% ได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวนและนำมาขอส่วนต่าง 40% คืนในภายหลังเหมือนปัจจุบัน
4. อนุญาตให้โรงแรมที่อยู่ในฐานข้อมูลภาษีของกรมสรรพากรเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนเข้าระบบโรงแรม
5. อนุญาตให้สามารถวางจำหน่ายกิฟต์โวเชอร์ โรงแรม ที่พัก สปา และร้านอาหารและ
6. อนุญาตให้ขยายสิทธิคืนพักต่อนักท่องเที่ยว 1 คน จาก 10 คืนเป็น 15 คืน เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีมาตรการส่งเสริมการจัดแพ็กเกจท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้ชื่อ Amazing Thailand Plus Package ที่ ททท.ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย, สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว และสายการบินการบินไทย
สนับสนุนดีลพิเศษสำหรับค่าห้องพักหลังกักตัว 14 วัน ค่าวันเดย์ทริปค่าเดินทางด้วยรถโดยสารภายในประเทศ และค่าเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารภายในประเทศที่จะต้องแจ้ง ศบศ. เพื่อทราบหลังให้แนวทางลงมาต่อไป
โดยในระเบียบวาระถัดไป กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมเสนอให้มีมาตรการส่งเสริมการจัดสัมมนาของภาครัฐในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เพื่อช่วยฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ โดยนอกจากขอความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในหลาย ๆ พื้นที่ อาจจะมีการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการด้านภาษีอีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อีก 3 ปี! ทอท.คาดปี2566 ‘เที่ยวบิน- ผู้โดยสาร’ กลับสู่ระดับเดียวปี62 ก่อนเกิดโควิด!
- ‘รมว.คลัง’ ยันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจน คาดปี 64 จีดีพีโต 4%
- เช็คลิสต์ก่อนขอสินเชื่อ ‘ธนาคารออมสิน’ เปิด 5 ปัจจัยสำคัญ อ่านเลย!