“สุชาติ” ผู้ว่าการ กทพ. คนใหม่ ประกาศเดินหน้าโครงการระดมทุนผ่าน TFF ตั้งเป้าเริ่มก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 ต้นปีหน้าและชงทางด่วน N2 เข้าบอร์ดเดือนตุลาคม
นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงนโยบายสำคัญหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯคนใหม่อย่างเป็นทางการว่า ตนจะผลักดันโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ระยะทาง 17 กิโลเมตร วงเงิน 31,244 ล้านบาท และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก (ถนนเกษตร-นวมินทร์) วงเงินลงทุน 14,000 ล้านบาท ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพราะได้เตรียมการลงทุนทั้ง 2 โครงการมานานแล้ว
สำหรับโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 จะระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) โดยปัจจุบันการทางพิเศษฯ อยู่ระหว่างหารือกับกรมบัญชีกลางว่า จะเปิดประมูลหาผู้รับเหมาด้วยวิธีใด เพราะ TFF มีการระดมทุนบางส่วนจากต่างประเทศ ถ้าเปิดประมูลหาผู้รับเหมาด้วยวิธีนานาชาติ (International Bidding) ก็อาจทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ากรมบัญชีกลางจะสรุปเรื่องวิธีการเปิดประมูลได้ในเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเปิดประมูลหาผู้รับเหมาและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2562
ด้านโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ก็ใช้วิธีระดมทุนผ่าน TFF เช่นกัน โดยปัจจุบันสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมและคาดว่าจะส่งเรื่องมาให้การทางพิเศษฯ ได้ในเดือนนี้ จากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษฯ เห็นชอบได้ในเดือนตุลาคม ก่อนเสนอให้กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ตนมีนโยบายจะปรับปรุงบริการทางด่วนให้รวดเร็วมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้การทางพิเศษฯ จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทย่อยของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จำนวน 1.79 พันล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นวงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาทนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า การทางพิเศษฯ ต้องรอนโยบายจากกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลก่อน แต่การทางพิเศษฯ ก็จะศึกษาแนวทางต่างๆ คู่ขนานกัน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา การทางพิเศษฯ ได้มีพิธีลงนามสัญญาว่าจ้างนายสุชาติ เป็นผู้ว่าการการทางพิเศษฯ คนใหม่ในลำดับที่ 14 โดยปัจจุบันนายสุชาติ อายุ 58 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Master of Engineering Science The University of New South Wales, Australia ระดับปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เริ่มเข้าทำงานที่การทางพิเศษฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ในตำแหน่งวิศวกร 4 สำนักงานโครงการระบบทางด่วน มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาตามลำดับ และเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินงานของการทางพิเศษฯ ตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างทางด่วนในหลายเส้นทาง จนปัจจุบันระบบทางพิเศษของการทางพิเศษฯ มีระยะทางรวมแล้วกว่า 224.6 กิโลเมตร ทั้งนี้ตำแหน่งสุดท้ายก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ คือรองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา
