นายกฯ เป็นสักขีพยานลงนาม “รถไฟไทย-จีน” สัญญา 2.3 งานวางระบบและจัดหาขบวนไฮสปีด มูลค่า 5 หมื่นล้าน ระหว่างการรถไฟฯ- 2 รัฐวิสาหกิจจีน
วันนี้ (28 ต.ค. 63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามใน “สัญญาจ้างงานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา 2.3)” ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย เฟสที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา) ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บริษัท ไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์แนชันนัล (CHINA RAILWAY INTERNATIONAL CO., LTD.) และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชัน (CHINA RAILWAY DESIGN CORPORATION) ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างรัฐวิสาหกิจของไทยและจีน ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การลงนามในสัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร ระหว่างการรถไฟฯ และรัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่ง ในลักษณะความร่วมมือระหว่างรัฐ (G to G) มีขอบเขตงาน ได้แก่
- งานวางระบบราง ระยะทาง 253 กิโลเมตร
- งานระบบ รถไฟ ความเร็วสูง
- ระบบไฟฟ้า
- ระบบอาณัติสัญญาณ
- ระบบสื่อสาร
- งานจัดหาขบวนรถไฟ
- งานฝึกอบรมบุคลากรเพื่อการเดินรถและซ่อมบารุง
- งานถ่ายทอดเทคโนโลยี
ทั้งนี้ รถไฟไทย-จีน สัญญา 2.3 มีวงเงิน 50,633.5 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในกรอบวงเงินรวมของโครงการทั้งหมด 179,412.21 ล้านบาท
โครงการ รถไฟ ความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา
มีแนวเส้นทางโครงการผ่าน 5 จังหวัด มี 6 สถานี คือ สถานีกลางบางซื่อ ผ่านสถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ซึ่ง 4 สถานีหลังเป็นสถานี รถไฟ ความเร็วสูงที่ก่อสร้างใหม่ในโครงการนี้ รวมระยะทาง 253 กิโลเมตร
แบ่งการก่อสร้างงานโยธาออกเป็น 14 สัญญา ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา คือสัญญา 1-1 ช่วงกลางดง – ปางอโศก, อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 สัญญา คือสัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว – กุดจิก และเตรียม ลงนามในสัญญาก่อสร้างอีก 9 สัญญา มีกรอบวงเงินรวมของโครงการ 179,412.21 ล้านบาท
โดยฝ่ายไทยรับภาระการลงทุนโครงการทั้งหมด และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ส่วนฝ่ายจีนรับผิดชอบออกแบบ และติดตั้งงานระบบราง ระบบไฟฟ้าเครื่องกล ระบบควบคุมการเดินรถ จัดหาขบวนรถไฟความเร็วสูง และฝึกอบรมบุคลากร
“โครงการระยะที่ 1 รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 และ 30 พฤศจิกายน 2560 ส่วนรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงได้ผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา”
- ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย
ระยะทาง 354.5 กิโลเมตร เชื่อมไทย-ลาว-จีน อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโดยฝ่ายไทยทั้งหมด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีเป้าหมายในอนาคตเมื่อมีสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางแล้ว จะทำให้ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญระบบรางมากขึ้น มีองค์ความรู้
เพื่อพัฒนาต่อยอดให้คนไทยมีความสามารถในการออกแบบ ผลิตชิ้นส่วน ประกอบ และซ่อมบารุงระบบราง เกิดงานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมระบบรางของไทยเทียบเท่าชั้นมาตรฐานระดับสากล นำไปสู่การใช้วัสดุภายในประเทศ ส่งเสริมอุตสาหกรรมระบบราง รถไฟ ไทย คิดเป็นมูลค่าเพิ่มในประเทศ 21,600 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานอีกกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี
เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะช่วยยกระดับมาตรฐาน รถไฟ ไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค สร้างโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กระจายรายได้ นำความเจริญสู่ท้องถิ่นตลอดแนวเส้นทางโครงการ ทำให้บุคลากรของประเทศไทยได้รับความรู้และเทคโนโลยีระบบรางจากจีน ต่อยอดองค์ความรู้ต่อไปในอนาคต และเป็นการเปิดเส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมโยงระหว่างไทย จีน และเอเชีย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ในที่สุดก็มีวันนี้! ‘รถไฟไทย-จีน’ 3.5 กม. แรกเสร็จแล้ว ก่อสร้างนาน 2 ปี 6 เดือน
- คชก. ไฟเขียว EIA ‘รถไฟไทย-จีน’ ลุ้น! ปลดล็อกลงนามผู้รับเหมา
- (คลิป) จีนเผยโฉม ‘รถไฟความเร็วสูง’ รุ่นใหม่ วิ่งฉิวบนรางหลายระบบ