นับถอยหลังอีกเพียง 4 วัน ก็จะถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งผู้ถือ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)” จะได้รับวงเงินช่วยเหลือรอบใหม่จากรัฐบาลอีกครั้ง
ในเดือนพฤศจิกายนนี้ บอกเลยว่า ผู้ถือบัตรฯ จะได้รับความช่วยเหลือแบบจุกๆ รวมทั้งหมด 7 รายการ
The Bangkok Insight ขอรวบรวมข้อมูลล่าสุดมาอัพเดตอีกครั้ง
ตารางเงินเข้า “พฤศจิกายน 2563” บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน
ในเดือนพฤศจิกายน 2563 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน จะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจาก ตารางเดิม 6 รายการ เป็น 7 รายการ มาเช็คตารางเงินเข้าล่าสุดไปพร้อมกันได้เลยจ้า
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ความช่วยเหลือ 4 รายการ
1. ค่าเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งไม่สามารถกดเงินสดได้
- ค่ารถโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (รถเมล์ ขสมก.) และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งได้รับเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนในกรุงเทพฯ และ 6 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และนครปฐม
- ค่ารถโดยสาร บขส. (รถทัวร์ บขส.) 500 บาทต่อคนต่อเดือน ผู้ถือบัตรคนจนจะได้รับสิทธิ์ทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดยนำ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรประชาชนไปขอรับสิทธิ์ได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส.
- ค่ารถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน ผู้ถือบัตรฯ จะได้รับสิทธิ์ทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดยสามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรประชาชน ไปขอรับสิทธิ์ได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟ
2. วงเงินช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัสดุการเกษตร ในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ซึ่งผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน จะได้รับวงเงินทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดและไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้
- ผู้ถือบัตรฯ ที่มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
- ผู้ถือบัตรฯ ที่มีรายได้ระหว่าง 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน
3. วงเงินช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัสดุการเกษตร เพิ่มเติมจำนวน 500 บาท
การเพิ่มเงิน 500 บาทดังกล่าว เป็นไปตาม “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยจะเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าให้แก่ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ทุกคน จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563
4. ส่วนลดค่าซื้อก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน โดยผู้ถือบัตรฯ จะได้รับทุกคน และสามารถใช้สิทธิ์ได้ด้วยการนำบัตรฯ ไปซื้อก๊าซกับร้านค้าที่ร่วมรายการกับกระทรวงพลังงาน ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 3 เดือน แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดและไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ความช่วยเหลือ 1 รายการ
5. ค่าเบี้ยความพิการเพิ่มเติม 200 บาท
ผู้พิการที่มีบัตรคนพิการและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่มเติมผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ของบัตรคนจำนวน 200 บาท ซึ่งสามารถกดเป็นเงินสดออกมาใช้ได้
โดยเบื้องต้นเบี้ยความพิการเพิ่มเติมจำนวน 200 บาท จะโอนเข้าในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 อย่างไรก็ตาม ต้องรอฟังความชัดเจนจากกรมบัญชีกลางอีกครั้ง
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ความช่วยเหลือ 2 รายการ
6. ค่าน้ำประปาฟรี 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับสิทธิ์ คือ ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์เดือนละ 100 บาทและลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์การประปานครหลวง (กปน.) คลิก
- ต่างจังหวัด ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) คลิก
ทั้งนี้ เมื่อบิลค่าน้ำมา ผู้ได้สิทธิ์ต้องสำรองจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้นระบบจะทำการบันทึกข้อมูล และ ทำการโอนเงินสดให้กลับเข้าบัตรคนจนในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 และสามารถนำบัตรฯ มากดเงินสดใช้ได้เลย
7. ค่าไฟฟ้าฟรี ไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดเดือนละ 230 บาท และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คลิก
- ต่างจังหวัด ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คลิก
ทั้งนี้ เมื่อบิลค่าไฟฟ้ามา ต้องสำรองจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้นระบบจะทำการบันทึกข้อมูล และทำการโอนเงินสดให้กลับเข้า บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 และสามารถนำบัตรมาใช้กดเงินสดได้เลย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วันนี้คนพิการถือ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน’ เงินสดเข้า 200 บาท!
- ‘e-Social Welfare’ เปิดระบบอีกครั้ง เช็คสิทธิ์ ‘สวัสดิการสังคม-บัตรคนจน’ ได้แล้ว
- เปิดกลโกง ‘บัตรทอง’ ตัดแต่ง-บิดเบือนตัวเลข เสียหายกว่า 200 ล้านบาท