Economics

เปิดกลยุทธ์ลงทุนทอง YLG ชี้หากแตะ 2,100 ดอลลาร์มีโอกาสพุ่งยาว!

YLG เปิดกลยุทธ์ลงทุนทองคำ ชี้ราคาทองปีนี้ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 25% มองช่วงนี้แม้ราคาลดลงแต่ไม่หลุด 1,872 – 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับฐานเพื่อไปต่อ ฟันธงมีโอกาสพุ่งยาว

YLG เผยปีนี้แม้ราคาทองขึ้นมาแล้วกว่า 25% แม้จะลดช่วงบวกลงบ้าง แต่โอกาสขึ้นอีกยังมี เหตุอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังต่ำ นักลงทุนมักพักเงินไว้ในทองคำ แนะวิธีดูหากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงขาลงอัตราดอกเบี้ยต้องปรับขึ้นก่อน มองช่วงนี้แม้ราคาลดลงแต่ไม่หลุด 1,872-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับฐานเพื่อไปต่อ ชี้ด่านแรกหากผ่าน 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสพุ่งยาว พร้อมแนะจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐหากทรัมป์ชนะมีผลทั้งในทางบวกและลบ แต่หากไบเดนชนะ เชื่อตลาดทองคำไปต่อได้

YLG

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ในช่วงเดือนเดือน ตุลาคม 2563 ราคาทองเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังจากที่เดือน กันยายน ที่ผ่านมา ราคาแกว่งตัวลงเพื่อปรับฐาน

อย่างไรก็ดี หากมองจากต้นปีนี้ ถึงปัจจุบัน พบว่า ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 25% ซึ่งถือว่า เป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าปกติ ที่แต่ละปีราคาทองคำจะปรับขึ้นมาประมาณ 5 – 10%

ทั้งนี้ มองว่า ราคาทองคำในระดับปัจจุบัน ถือว่า เป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยสาเหตุหลักมาจาก เศรษฐกิจโลกที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ให้กลับไปสู่ภาวะปกติ อีกทั้ง ผลตอบแทนดอกเบี้ย ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ลดลงเหลือ 0% รวมถึงสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เริ่มซื้อ – ขายลำบากทำให้สภาพคล่องต่ำ

ขณะที่ นักลงทุนส่วนหนึ่ง เน้นถือเงินสด และ บางส่วนนำเงินลงทุน มาพักไว้ในทองคำ ดังนั้น ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ย ยังอยู่ในระดับต่ำ ราคาทอง จึงยังคงอยู่ในขาขึ้น และ ราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงขาลง ก็ต่อเมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้น

สำหรับทิศทางราคาทองคำรอบนี้ จะปรับขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหนนั้น วายแอลจี มองว่า จะต้องผ่าน 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อน จึงจะไปได้ต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ ราคาทองคำเคยทดสอบ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้ว และ ปรับลดลงมาในช่วงปลายเดือน กันยายน แต่ในช่วงนี้ราคายังทรงตัวไม่หลุด 1,872 – 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดังนั้น มองว่า 1,847-1,800ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจะเป็นฐานใหม่ ก่อนจะปรับขึ้นในช่วงต่อไป

YLG

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ที่น่าจับตา คือ ประเด็นการเลือกตั้ง “ประธานาธิบดีสหรัฐ” เนื่องจาก นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาว่า “โจ ไบเดน” เป็นฝ่ายชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากโจ ไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งหากหุ้นปรับตัวลง เงินลงทุน จะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ

กลับกันหาก “โดนัลด์ ทรัมป์ชนะ” แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่จะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายบางอย่างของนายทรัมป์ อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีนโยบายสงครามการค้า ที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุน ที่ยังไม่มั่นใจว่า ในอนาคตราคาทองคำ จะปรับตัวขึ้นหรือลงนั้น สามารถจัดการความเสี่ยงได้ด้วยการลงทุนใน “โกลด์ฟิวเจอร์ส” ที่สามารถลงทุนได้ แม้ตลาดทองคำจะอยู่ในขาขึ้น หรือขาลงผ่านตลาด TFEX ทั้งในแบบโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์

และโกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) ที่เป็นการซื้อขายด้วยเงินบาท ซึ่งการลงทุนผ่าน TFEX ถือเป็นทางเลือกที่นักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง วางเงินลงทุนเพียงไม่ถึง 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo