ความคาดหวังของประชาชนต่อ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมาโดยตลอดทั้งก่อน และหลังจากมีพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 คาดหวัง เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง เป็นที่พึ่งยามที่กิจการพลังงานต้องการกฎระเบียบ และการกำกับที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม ยามที่โลกเปิดมีหลายเชื้อชาติต่างภาษามาแบ่งเค้กก่อนเดียวกัน การแข่งขันรุนแรง ยามที่การเมืองกำลังร้อนแรง และยามที่ประชาชนต้องการที่พึ่ง
กกพ.ชุด 4 ที่รัฐบาลอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แต่งตั้งกกพ. จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
- นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการ
- นายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ
- นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ กรรมการ
- นายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน กรรมการ
- นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการ
- นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการ
- นางอรรชกา สีบุญเรือง กรรมการ
ขณะนี้ทั้ง 7 คนอยู่ระหว่างรอขั้นตอนให้นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ประธานกรรมการ และกรรมการอย่างเป็นทางการต่อไป
โดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย และเมื่อครบกำหนด 3 ปีให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวน 3 คน โดยวิธีจับสลาก
งานมากมายรออยู่เบื้องหน้าอย่างนี้ วันนี้กรรมการก็เริ่มมาพบปะทำความรู้จัก และหารืออย่างไม่เป็นทางการแล้ว และจะมีการนำโครงสร้างการทำงานมาพิจารณากันว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดลำดับงานร้อนงานเย็น แน่นอนว่า งานเผือกร้อนอย่างการพิจารณากรณี GPSC ซื้อหุ้น GLOW เป็นเรื่องแรกๆ ที่ต้องระดมสรรพกำลังพิจารณา งานเย็นก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป เพราะกกพ.มีงานในหน้าตัก ตั้งแต่ระดับช้าง ไปจนถึงระดับหมู่บ้านห่างไกล งานฟาดฟัน ไปจนถึงงานส่งเสริมชาวบ้าน
แต่อย่างที่ทราบดีว่าทั้ง 7 ท่านล้วน “มีของ” หมายถึงมีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง มีบทบาทในการร่วมกำหนดทิศทางประเทศกันมาแล้ว ได้รับความเชื่อถือในแวดวงต่างๆ และนั่งเป็นกรรมการนับสิบคณะกันทั้งสิ้น ต่างมารวมกันได้ เพราะการชักชวนจากระดับบิ๊กของประเทศ ด้วยความเกรงอกเกรงใจ
อย่างไรก็ตามโฉมหน้าของกกพ.ทั้ง 7 คน คงพอจะทำให้ประชาชนอุ่นใจได้ว่า จะทำงาน เพื่อ agenda ใหญ่ คือ เพื่อประเทศ และส่วนรวมอย่างแท้จริง ทั้งตำแหน่งนี้ก็วัดความรู้ความสามารถไม่น้อย เพราะทำทั้งทางวิชาการ ในการวางกฎระเบียบกำกับกิจการพลังงานของประเทศในระยะยาว และงานปฏิบัติเพื่อให้กฎระเบียบนั้นๆนำไปใช้ได้จริง
ขณะเดียวกันก็ต้อง Balance ทั้งนโยบายรัฐ และความต้องการของเอกชนที่มีบทบาทอย่างมากต่อกิจการพลังงานของไทยในวันนี้ รวมไปถึงประชาชนที่คาดหวังสูงสุด ทั้งพลังงานต้องส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเขา ไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องการบริโภคราคาพลังงานที่ถูกที่สุด หากฝ่าด่านได้อยู่จนครบวาระ สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้ประเทศ ไม่ถูกปลดกลางอากาศ ถือว่าสร้างเกียรติสร้างศรีให้กับวงศ์ตระกูล และประเทศชาติอย่างแท้จริง
หวังเพียงว่ากกพ.น้ำดีจะไม่เป็นเพียงไม้ประดับ!!