อาคม” ออกคำสั่งด่วน!! สอบ “นกสกู๊ต” ปมนอมินีจัดตั้งสายการบิน ด้าน “กพท.” จับตาสถานะการเงิน “นกแอร์” หวั่นกระทบผู้โดยสาร
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีคำสั่งด่วน ให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ไปสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนายพาที สารสิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) สายการบินนกแอร์ ออกมาระบุว่า ได้ถือหุ้นแทน (Nominee) สายการบินนกแอร์ เพื่อลงทุนจัดตั้งสายการบินนกสกู๊ต
กพท. จึงเตรียมส่งหนังสือเชิญผู้บริหารสายการบินนกสกู๊ต เข้ามาชี้แจงรายละเอียดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลไปวิเคราะห์และตรวจสอบเชิงลึก ก่อนเสนอให้นายอาคมพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่า เกิดกรณีดังกล่าว มีคนไทยเป็นนอมินีหรือถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ ในสายการบินที่จดทะเบียนในไทย ก็อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (AOL) ฉบับใหม่ ที่กำหนดให้สายการบินสัญชาติไทย ต้องผู้ถือหุ้นชาวไทยอย่างน้อย 51% และต่างชาติไม่เกิน 49% ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีอำนาจพิจารณาลงนามยกเลิกเอโอแอลสายการบินดังกล่าวและต้องหยุดการทำการบินไปโดยปริยาย
กพท. จับตาสถานะการเงินนกแอร์
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ กพท.อยู่ระหว่างจับตาดูสถานะทางการเงินของสายการบินนกแอร์ หลังพบว่าส่วนทุนเริ่มลดลงและทุนหมุนเวียนพร่องไป เนื่องจากกังวลว่าปัญหานี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพบริการและผู้โดยสารได้
แหล่งข่าวจาก กพท. กล่าวว่า นกแอร์เป็นสายการบินสัญชาติไทย ที่มีสถานะทางการเงินน่าเป็นห่วงที่สุด กพท. จึงต้องจับตาดูงบการเงินและรายรับของนกแอร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเบื้องต้นก็พบว่านกแอร์อยู่ระหว่างจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม หากดำเนินการแก้ปัญหาส่วนนี้ได้ ก็จะช่วยลดข้อกังวลในการประกอบกิจการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประกอบการ ณ งวดไตรมาส 2 ปี 2561 ของสายการบินนกแอร์ มีผลขาดทุนสุทธิ 830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 650 ล้านบาท เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวลงลงตามฤดูกาล ต้นทุนน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้นขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น นอกจากนี้ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังได้ขึ้นเครื่องหมาย C (Caution) ซึ่งให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนที่ชำระแล้ว
