Economics

ราคาทองคำผันผวนระยะสั้น! YLG ฟันธงเทรนด์ยังเป็นขาขึ้น

ราคาทอง คำผันผวนระยะสั้น! YLG ฟันธงระยะยาวเทรนด์ยังเป็นขาขึ้น แนะนักลงทุนซื้อสะสมหากทองคำปรับลดลงมาใกล้บริเวณแนวรับ 1,900 ดอลลาร์ และแบ่งขายที่แนวต้าน 1,950 ดอลลาร์

วายแอลจี เผย ราคาทองคำผันผวนในระยะสั้น หลังกองทุน SPDR และนักลงทุนขายทำกำไรบางส่วน แต่ระยะยาวเทรนด์ยังเป็นขาขึ้น แม้จะมีข่าวดีเรื่องไวรัส COVID-19 แต่ตลาดทองคำรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว เชื่อระยะยาวยังแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น ชี้ปัจจัยสนับสนุนทองคำยังอยู่ครบ ทั้งเศรษฐกิจที่ยังติดลบ นโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลกส่งผลให้ดอกเบี้ยต่ำ ความขัดแย้งจีน-สหรัฐ รวมถึงประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐที่ยังต้องจับตา

ทั้งนี้ แนะนักลงทุนซื้อสะสมหากทองคำปรับลดลงมาใกล้บริเวณแนวรับ 1,900 ดอลลาร์ หรือ 28,000 บาท แนวรับถัดไป 1,850 ดอลลาร์ หรือ 27,200 บาท และแบ่งขายที่แนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ หรือ 28,750 บาท

ราคาทอง

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า ราคาทอง คำทั้งในตลาดโลกและในประเทศที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ มาจากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้างทั้งทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นแรงขายจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็น ETF ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากจึงเกิดการเทขายทำกำไรออกมาบางส่วน อย่างไรก็ตามมองว่าความผันผวนของราคาทองคำจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น

แต่ในระยะยาว 1-2 ปี มองว่า ราคาทอง คำยังเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนราคาทองคำยังไม่เปลี่ยน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังติดลบ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกรวมทั้งเฟดยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและมีผลให้อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐ ก็ยังคงมีอยู่

ราคาทอง
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์

นอกจากนี้ ประเด็นภายในประเทศสหรัฐเอง ก็ยังต้องจับตา เช่น ประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ยังเป็นความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจดทะเบียนวัคซีน COVID-19 ของรัสเซียนั้น ถือว่าเป็นข่าวที่ส่งผลลบต่อราคาทองคำ เนื่องจากช่วยเรียกความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ตลาดบ้าง แต่ก็ยังต้องรอดูประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะยาว อีกทั้งแม้จะมีวัคซีนแต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ต้องใช้เวลาไม่สามารถฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่วัน

ทั้งนี้ มองว่า ตลาดทองคำรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว และ นักลงทุนน่าจะกลับเข้ามาซื้อทองคำ หากปัจจัยที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่การปรับตัวขึ้น น่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา เช่นช่วงเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนกองทุน SPDR ถ้าหากนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ยังมีระดับการถือครองที่ค่อนข้างสูงอยู่ โดยรวมปีนี้เข้าซื้อทองคำเพิ่มแล้วกว่า 350 ตัน แม้ในช่วงนี้มีการเทขายออกมาบางส่วน แต่ภาพรวมยังมองว่าจะมีการเข้าซื้อต่อ

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในระยะสั้น ทะยอยสะสมที่แนวรับ 1,900 – 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ ทยอยขายบางส่วน หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ราคาจะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าจะใช้เวลาพอสมควรอาจจะประมาณ 3 สัปดาห์หรือมากกว่า 1 เดือน ที่จะขึ้นไปทดสอบสูงสุดเดิม

ส่วนราคาทองคำในประเทศ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่แนวต้าน 28,750 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 28,000 และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 27,200 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาในประเทศ จะต้องขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน

ราคาทอง

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2563 สรุป ราคาทองคำปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จากภาวะชะงักงันของสภาคองเกรสเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยืนยันจะไม่เริ่มการหารืออีกครั้ง จนกว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ จะเห็นชอบในการเพิ่มวงเงินเป็น 2 เท่า

ขณะที่การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวดูห่างไกลออกไปอีก หลังสภาคองเกรสยุติสมัยประชุมในช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1 ล้านรายซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำ

อย่างไรก็ดี มีชาวอเมริกันอีกอย่างน้อย 28.3 ล้านคนที่ยังคงรับสวัสดิการว่างงาน บ่งชี้ว่า ความอ่อนแอในตลาดแรงงาน ยังคงอยู่จึงส่งผลให้การอ่อนตัวลงของราคา อยู่ในระดับจำกัด ก่อนที่จะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้ ท่ามกลางความไม่แน่นอน ทั้งทางเศรษฐกิจ และการเมือง ที่ยังคงรายล้อมตลาดอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น ทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,966.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน ก่อนที่จะเกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาลดช่วงบวกลง

ส่วนกองทุน SPDR กลับมาถือครองทองคำเพิ่มอีกครั้ง โดย SPDR ถือครองทองเพิ่ม +1.46 ตัน สู่ระดับ 1,252.09 ตัน สะท้อนนักลงทุนยังไม่ละทิ้งทองคำ ทำให้ในปี 2020 กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มแล้วถึง +358.84 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก และตัวเลขในภาคการผลิตของสหรัฐ

คำแนะนำ หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,967-1,971 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนำขาย ชะลอการขายหากผ่านแนวต้านในโซน 1,971 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการซื้อคืนอาจพิจารณาบริเวณ 1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ชะลอการเข้าซื้อคืนออกไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK