Economics

โควิดสะเทือน! ‘ม.หอการค้า’ หั่นคาดการณ์จีดีพีปีนี้ติดลบ 9.4%

“ม.หอการค้าไทย” หั่นคาดการณ์จีดีพีปีนี้ติดลบ 9.4% ส่วนส่งออกวูบติดลบ 10.2% หลัง “โควิด” ระบาดจนต้องล็อกดาวน์ประเทศ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ว่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด” ระลอก 2 ในต่างประเทศและยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในไทยและการส่งออกของไทยลดลงอย่างมาก

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ จึงปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ใหม่ โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะติดลบลงลึกมากขึ้นในระดับลบ 9.4% จากเดือน เมษายน 2563 เคยประเมินไว้ว่า จะติดลบ 4.9% ถึงติดลบ 3.4% และในกรณีแย่กว่า จะติดลบ 11.4% ส่วนกรณีดีกว่าจะติดลบ 8.4%

หั่นจีดีพี3863

ด้านการส่งออกรูปเงินดอลลาร์ ปี 2563 คาดว่า กรณีฐานจะติดลบ 10.2% กรณีแย่กว่าลบ 12.5% ส่วนกรณีดีกว่าลบ 8.4% ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวกรณีฐาน ลบ 82.3% กรณีแย่กว่าลบ 83% ส่วนกรณีดีกว่าลบ 81.3%

จำนวนนักท่องเที่ยวกรณีมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายใต้แนวทาง travel Bubble แบบจำกัดขอบเขต คาดว่า จะลดลงเหลือ 6.8 ถึง 7.5 ล้านคน ลดลงจากประมาณการเดือน เมษายน 2563 ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 10.7 ถึง 18.2 ล้านคน การคาดการณ์นี้ อยู่บนพื้นฐานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกโต ติดลบ 5% จากเดิมคาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะติดลบ 3%

ฉะนั้น ภาครัฐจะต้องเร่งช่วยเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการทั้งในส่วนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการขับเคลื่อนเงินตาม พรก.เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เร็วที่สุด เพราะหากช้าหรือทำได้ไม่ดีพอ จะเห็นภาพการปลดคนงานมากขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ ตุลาคม 2563 นี้หลังมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ สิ้นสุดลง

ดังนั้นในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2563 จะเริ่มเห็นการว่างงานมากขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. ระบุว่า จะเอสเอ็มอี จะมีการทยอยเลิกจ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้รวม 1.93 ล้านคน และมีโอกาสจะมีการเลิกจ้างมากถึง 2-3 ล้านคนได้ ภายใต้เงื่อนไขว่า ภาคเอกชนไม่ได้ตั้งใจที่จะปลดคนออกจากงาน

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ไตรมาส 2 ปีหน้า จะมีวัคซีนโควิด-19 ออกมาช่วยให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสกลับมาเป็นเติบโตเป็นบวกได้อีกครั้ง โดยคาดว่า ปี 2564 มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตเป็นบวกได้ 4-5%

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยผลกระทบจากโควิดครั้งนี้นับว่า สร้างความเสียหายมากที่สุดในเศรษฐกิจไทย มากกว่าความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท

โดย ณ วันนี้ (3 ส.ค.63) โควิดสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยแล้ว มูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านบาท จากการล็อดาวครั้งแรกมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท

สำหรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่

  • อนุมัติให้มีการจ้างงานแบบรายชั่วโมงเป็นการชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเลิกจ้างแรงงานในภายหลัง
  • เพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบต่างๆเพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจจ้างแรงงานที่เคยถูกเลิกจ้าง
  • พิจารณาขยายมาตรการพักชำระหนี้แบบอัตโนมัติออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนรวมเป็น 12 เดือน
  • ผ่อนคลายเงื่อนไขข้อจำกัดต่าง ๆเพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอี เข้าถึงวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
  • กลั่นกรองโครงการที่ขอใช้เงินกู้ เงินงบประมาณปี 2564 ควรให้น้ำหนักกับโครงการที่เน้นเพิ่มการจ้างงานในตำแหน่งงานที่ถาวร
  • เพิ่มกำลังซื้อในระบบ เช่น มาตรการชิมช้อปใช้ มาตรการช้อปช่วยชาติ เป็นต้น
  • เพิ่มกำลังซื้อในระบบจากคนที่ยังมีกำลัง ด้วยการออกมาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคการลงทุนในสินค้าคงทน เช่น ที่อยู่อาศัยและรถยนต์ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo