Economics

วันหยุดยาว ‘ททท.’ คาดเงินสะพัด 6.8 พันล้าน! เน้นเที่ยวใกล้กรุง

วันหยุดยาว “ททท.” คาดเงินสะพัดกว่า 6,800 ล้านบาท ประเมินมียอดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในประเทศประมาณ 1.89 ล้านคน/ครั้ง ชี้แหล่งเที่ยวใกล้กรุงยังได้รับความนิยม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวช่วง วันหยุดยาว 4 วันเนื่องในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ และ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2563 คาดว่า จะมีคนไทย เดินทางท่องเที่ยว ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในประเทศประมาณ 1.89 ล้านคน – ครั้ง มีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 6,800 ล้านบาท และคาดด้วยว่าจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 24%

วันหยุดยาว

“บรรยากาศการท่องเที่ยวของคนไทยเริ่มฟื้นตัว แต่อาจจะคึกคักน้อยกว่าช่วงวันหยุดวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาเล็กน้อย เนื่องจากมีวันหยุดยาวติดกันหลายช่วง ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเลือกช่วงเวลาของการเดินทาง อีกทั้งประชาชนบางส่วนเลือกเดินทางไกลเพื่อกลับภูมิลำเนา พาครอบครัวไปทำบุญ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ผนวกกับปัญหาค่าครองชีพ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยังต้องระมัดระวังการใช้จ่าย” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้ น่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว ในระยะทางใกล้ๆ เที่ยวในจังหวัดรอบข้าง เดินทางกันเป็นกลุ่มเล็กๆ แบบกลุ่มครอบครัว หรือ กลุ่มเพื่อน และเน้นการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งให้ความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย และสุขอนามัยเป็นหลัก

ส่วนการเดินทางในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ บขส. คาดว่า จะมีปริมาณไม่มาก เท่ากับช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 มีจำนวนผู้โดยสารจองตั๋วล่วงหน้าทั่วประเทศ ในช่วงวันหยุดยาวประมาณ 5 – 10% และพบว่า แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งทะเล ภูเขา และน้ำตก ยังเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่คนไทยอยากออกไปสัมผัสในช่วงวันหยุดพักผ่อน

เมื่อมองปัจจัยเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้ มีหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งการหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทั้งโครงการกำลังใจ และเราเที่ยวด้วยกัน ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในห่วงโซ่ของภาคการท่องเที่ยว และกระตุ้นประชาชนให้เกิดการเดินทางและใช้จ่ายในสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

รวมถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์จำนวน 2 เส้นทาง, ททท.ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ จัดโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งลดแลกแจกแถม เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่, การจัดกิจกรรมไฮไลท์ ในช่วงหน้าฝน และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หลังจากล็อกดาวน์กลับมาอุดมสมบูรณ์ สะอาด และสวยงาม

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์การพูดคุยในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการเดินทางช่วงวันหยุดเนื่องในวันหยุดยาว 4 วันครั้งนี้ พบว่า มีการพูดถึงการท่องเที่ยว มากกว่าวันหยุดที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความชัดเจน เรื่องของกิจกรรมที่อยากจะทำในช่วงวันหยุด โดยมีเพียงการอ้างถึงพื้นที่บ้างเล็กน้อย เช่น พัทยา เชียงใหม่ ระยอง นอกจากนี้ ยังพบว่า พูดคุยในสังคมออนไลน์ยังมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่ จ.ระยอง สะท้อนให้เห็นจากบางคำพูด เช่น ทหาร อียิปต์ และกักตัว เป็นต้น

บขส. รถทัวร์

ด้านนายมาโนช สายชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดยาวที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2563 บขส. ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชน

โดยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 มีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับภูมิลำเนา จำนวน 74,734 คน บขส. ได้จัดเที่ยววิ่งรถโดยสาร ประกอบด้วย รถ บขส., รถร่วม และรถตู้ จำนวน 5,067 เที่ยว ขณะที่วานนี้ (25 ก.ค. 63) บขส. ได้จัดเที่ยววิ่งรถโดยสาร จำนวน 6,022 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 89,801 คน

อย่างไรก็ดี จากตัวเลขการเดินทาง พบว่า มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมองว่าน่าจะมีประชาชนเดินทาง 93,952 คน ซึ่งคาดว่า ประชาชนส่วนหนึ่งหยุดอยู่บ้านเพื่อพักผ่อน และบางส่วนเปลี่ยนการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว

ทั้งนี้ บขส. ได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ ดำเนินการตามนโยบาย ของกระทรวงคมนาคม ในการจัดเที่ยวรถบริการประชาชาชนอย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง และต้องไม่เกิดการเอาเปรียบผู้โดยสารโดยเด็ดขาด รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ บขส. และรถร่วมเอกชน ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ผู้ขับขี่รถโดยสาร ต้องมีสภาพร่างกายพร้อมให้บริการ

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำ ให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้โดยสาร ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยมาตรการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ทั้งภายในรถโดยสาร และภายในสถานีขนส่งฯ ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และต้องลงทะเบียนเช็คอิน – เช็คเอาท์ ผ่านแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่ใช้บริการ ตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ให้บริการแก่ผู้โดยสาร รวมทั้งให้ทำความสะอาดรถโดยสารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั้งก่อนและหลัง การให้บริการเป็นประจำด้วย สอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo