Economics

‘จุรินทร์’ ยืนยันเดินหน้าต่อเนื่อง ประกันรายได้ ‘ยางพารา- 5 พืชเกษตร’

“จุรินทร์” ประกาศกลางสวนยาง ประกันรายได้ยางพาราปี 2 เดินหน้าต่อแน่นอน หลังทิศทางราคาตลาดโลกยังชะลอตัว  เตรียมจัดเงินกู้ให้ธุรกิจไม้ยาง และผลิตภัณฑ์ 20,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3%  รอชงเข้า ครม. แล้ว ย้ำ ประกันรายได้พืชเกษตรที่เหลืออีก 4 ชนิด ทั้งข้าว ปาล์ม มันสำปะหลัง ข้าวโพด ก็เดินหน้าต่อ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ พบปะเกษตรกร และประชาชน ในพื้นที่ ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง วันนี้ได้ดำเนินการมาแล้ว 1 ปี  มีคนถามว่าจะทำต่อไหม ยืนยันว่า ตราบใดที่ยังมีรัฐบาลชุดนี้ จะต้องทำต่อ เพราะประกันรายได้ชาวสวนยาง รวมถึงพืชเกษตรรวม 5 ชนิด (ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) เป็นนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ผูกพันแล้ว

สวนยางพารา ๒๐๐๗๐๗

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ก็ได้มีมติว่า จะทำโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางต่อไปในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง โดยจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และยังเพิ่มเงินกู้ ให้กับพ่อค้าที่ทำธุรกิจไม้ยาง และผลิตภัณฑ์ โดยมีวงเงินกู้ 20,000 ล้านบาท ช่วยดอกเบี้ย 3%

นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า ยางพารา ราคาไม่ดี เพราะโลกเปลี่ยนไป หลายจังหวัด หลายประเทศในโลก ก็ปลูกยางพารา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และที่สำคัญมีภาวะโควิด-19

เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี การใช้รถยนต์ก็ลดลง การนำยางไปผลิตยางรถยนต์ก็น้อยลง ประกอบกับน้ำมันโลกราคาลดลง จึงมีการนำน้ำยางเทียม ที่มีราคาถูกกว่ายางธรรมชาติมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์แทน

ยอดส่งออกยางเดือนที่ผ่านมา ตกไปกว่า 20% ที่ตกมากที่สุด คือ รถยนต์ที่ไทยส่งออกไปต่างประเทศตกถึง 30-40% ถ้ารถยนต์ส่งออกตก แปลว่ายางรถยนต์ขายไม่ได้ แปลว่า ยางก็ราคาตก แล้วยังบวกกับราคาน้ำมันลด ซึ่งน้ำมัน คือ วัตถุดิบในการเอาไปทำยางเทียม ทำให้ยางเทียมราคาถูก ขณะที่คนที่ไปทำยางรถยนต์ ก็หันไปใช้สัดส่วนยางเทียมมากขึ้น เพราะต้นทุนต่ำ แทนที่จะมาซื้อยางธรรมชาติ สุดท้ายก็กดราคายางในตลาดซ้ำไปด้วย

5f042c9abae77

อย่างไรก็ตาม ราคายางในอนาคตไม่ได้ดีเสมอไป แต่ก็ยังมีโครงการประกันรายได้ ที่จะช่วยชาวสวนยางให้มีรายได้พอกิน โดยราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ซึ่งเป็นยางมาตรฐาน กำหนดไว้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท น้ำยางข้น กก.ละ 57 บาท และยางก้อนถ้วย กก.ละ 23 บาท

หากราคายางพาราไม่ดี ก็จะได้รับส่วนต่าง ได้เงิน 2 กระเป๋า คือ กระเป๋าซ้ายจากการขายยางพารา และกระเป๋าขวา เป็นส่วนต่างที่ได้รับจากโครงการประกันรายได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo