Economics

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ! แนะขายทำกำไรช่วง 26,450-26,050 บาท เน้นขึ้นขายลงซื้อ

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ! “วายแอลจี” แนะขายทำกำไรช่วง 26,450 – 26,050 บาทต่อบาททองคำ เน้นกลยุทธ์ขึ้นขายลงซื้อ พร้อมหลีกเลี่ยงการไล่ซื้อ

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ : “วายแอลจี” คาดหลังคลายล็อกดาวน์เฟส 3 พฤติกรรมซื้อทองคำออนไลน์ จะยังคงคึกคักต่อเนื่อง เพราะกลายเป็น New Normal ของผู้บริโภคยุคใหม่ ขณะที่การซื้อผ่านหน้าร้าน ก็จะคึกคักไม่แพ้กัน เพราะบางส่วน ยังชื่นชอบการไปเลือกซื้อเอง พร้อมมองหลังส่วนต่างราคาซื้อ-ขายปรับลดลง มาสู่ระดับปกติที่ประมาณ 100 บาท จะหนุนนักลงทุนระยะสั้น กลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพราะเพิ่มโอกาสทำกำไร มองทิศทางทองคำระยะสั้น ยังมีแรงขายสลับออกมา เมื่อใกล้ถึงจุดสูงสุดของปีที่ 1,765-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 26,450 – 26,050 บาท เน้นกลยุทธ์ขึ้นขาย ลงซื้อ พร้อมกำหนดจุดตัดขาดทุน

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า หลังการคลายล็อกดาวน์เฟส 3 ตลาดทองคำ มีแนวโน้มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แม้การระบาดของ COVID-19 จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทย เกี่ยวกับการซื้อทองคำ ไปสู่การซื้อทองคำ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น เกิดความต้องการจัดส่งทองคำแบบเดลิเวอรี่ ส่งตรงถึงบ้านก็พุ่งสูงขึ้น ซึ่งถือเป็น New Normal ของวงการทองคำ อย่างไรก็ดี เนื่องจากทองคำ เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ชาวไทยบางส่วนจึงยังนิยมไปเลือกซื้อ หรือ ขายทองคำ ที่ร้านทองด้วยตนเอง ดังนั้นจึงมั่นใจว่า ภาพรวมการซื้อ-ขายทองคำ จะคึกคักขึ้นทั้งในแง่ของออนไลน์ และ ออฟไลน์ ควบคู่กันไป

นอกจากนี้ ในช่วงที่ทั่วโลกทำการล็อกดาวน์นั้น ส่งผลให้การขนส่ง และ การซื้อขายทองคำได้รับผลกระทบ จึงทำให้ส่วนต่างราคาซื้อ-ขายทองคำในประเทศ เพิ่มขึ้นสูงเป็น 300 บาทต่อบาททองคำ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น (Day Trade) ที่ต้องรอการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนานยิ่งขึ้น จึงจะสามารถขายทำกำไรได้ ซึ่งการถือนานขึ้น ย่อมจะส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนไปด้วย

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ

ดังนั้น เมื่อส่วนต่างราคาซื้อขาย กลับมาเป็นปกติ จึงมีแนวโน้มจะดึงดูด นักลงทุนทองคำประเภท Day Trade ให้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ทำให้คาดว่า ปริมาณการซื้อขายทองคำ เพื่อการลงทุนอาจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ทองคำมีกรอบการแกว่งตัวกว้างขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มโอกาส ที่นักลงทุนสามารถเข้ามาทำกำไร จากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานนั้น แม้ยังมีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในระยะยาว ยังคงอยู่ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้ม อัตราดอกเบี้ย ทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน และ การคลังทั่วโลก ความตึงเครียดระหว่างจีน และ สหรัฐ รวมถึงปัจจัยระยะสั้น อย่างเหตุจลาจลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ นายจอร์จ ฟรอยด์ แต่ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ ท่ามกลางความหวังว่า เศรษฐกิจโลกจะพลิกฟื้น หลังจากทั่วโลกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง เป็นปัจจัยกดดันให้ทองคำ ถูกแรงขายทำกำไรสลับออกมาเป็นระยะ จะเห็นได้ว่า เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้บริเวณระดับสูงสุดของปีนี้ มักจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาทุกครั้ง

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ

กลยุทธ์ลงทุนทองคำ YLG จึงยังคงแนะนำให้นักลงทุน แบ่งทองคำออกขายทำกำไร เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับสูงสุด ของปีนี้ บริเวณ 1,765-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 26,450 – 26,050 บาทต่อบาททองคำ หากผ่านได้ค่อยถือต่อไป รอขายบริเวณแนวต้านโซน 1,788-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 26,800-27,900 บาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเดือนกุมภาพันธ์, กันยายน และตุลาคม 2555

ขณะที่ การเข้าซื้ออาจรอราคามีการปรับตัวลดลง และ ไม่หลุดแนวรับ เบื้องต้น คาดการณ์ แนวรับแรกบริเวณ 1,690-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 25,300-25,150 บาทต่อบาททองคำ (ราคาไทยคำนวณจากค่าเงินบาท ณ ระดับ 31.60 บาท/ดอลลาร์) ที่สำคัญ นักลงทุน ควรหลีกเลี่ยงการไล่ซื้อ พร้อมกำหนดจุดตัดขาดทุน ประกอบการลงทุนทุกครั้ง

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK