นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยายนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนกรกฎาคม 2561 มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 90,151 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.15% โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาดจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าดีขึ้น ยกเว้นตลาดออสเตรเลีย ตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 49,874.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.00% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนกรกฎาคม 2561 อยู่ที่ 81,946 คัน เพิ่มขึ้น 25.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 6.7% จากเดือนมิถุนายน 2561
ทั้งนี้ ยอดขายภายในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ ด้วยการลงทุนภาครัฐ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล การท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังเติบโต การส่งออกและนำเข้าเพิ่มขึ้น การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ส่งผลยอดขายรถยนต์ในประเทศ 7 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 571,064 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ อยู่ที่ 183,119 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 15.1% จากการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 10.54% และผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศ เพิ่มขึ้น 51.46% และ 26.58% ตามลำดับ แต่ลดลง 3.1% จากเดือนมิถุนายน 2561 ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2561 มียอดผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 1,239,688 คัน เพิ่มขึ้น 11.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส.อ.ท.ได้ปรับเพิ่มเป้าการผลิตรถยนต์ในปี 61 อีก 80,000 คัน มาที่ 2.08 ล้านคัน มากกว่าปี 60 ที่ผลิตได้ 1.98 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 4.58% โดยเป็นการปรับเพิ่มยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอีก 80,000 คัน เป็น 980,000 คัน
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก ยังคงเป้าเดิมที่ 1.1 ล้านคัน เพราะยังมีความกังวลสงครามการค้าที่อาจขยายตัวขึ้น ค่าเงินสกุลต่างผันผวนซึ่งอาจฉุดการค้าโลกและเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลงได้ ราคาน้ำมันดิบผันผวนและกระเงินไหลออกจากประเทศเกิดใหม่จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย
