นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2561 มีรายได้จากการขายและบริการ 8.97 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส2 ปีนี้ บางจากและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 4.55 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มีกำไรสุทธิ 1,157 ล้านบาท
ธุรกิจโรงกลั่นมี ebitda 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปริมาณการผลิตลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 66,800 บาร์เรลต่อวัน หรือ 56% ของกำลังการผลิตรวมโรงกลั่น ซึ่งเป็นไปตามแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี 45 วัน และครึ่งปีหลังนี้จะกลับมากลั่นเต็มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลงจากปริมาณการผลิตที่ลดลง และจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปรับตัวขึ้นในไตรมาสนี้ ทำให้มีกำไรจาก Inventory Gain 856 ล้านบาท
ด้านกลุ่มธุรกิจการตลาดมี ebitda 509 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,455 ล้านลิตร ลดลง 3% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ปริมาณการจำหน่ายของอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากการบริหารสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงหยุดซ่อมบำรงโรงกลั่น ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายในตลาดค้าปลี ซึ่งเป็นช่องทางหลักเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากขยายฐานลูกค้า
ปัจจุบันบางจากมีส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่ที่อันดับ 2 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วง 5 เดือนแรกปี 2561 มียอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ตลาดรวมขยายตัว 3% ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดสะสม 5 เดือน อยู่ที่ 15.7% และมีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกสูงสุดที่ 16% ในเดือนพฤษภาคม เป็นผลจากการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น 71 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจุบันบางจากมีสถานีบริการน้ำมันรวม 1,140 สาขา
ทางด้านธุรกิจ Non-Oil ทั้งร้านสะดวกซื้อ Spar และร้านกาแฟอินทนิล ภายใต้บริษัทบางจาก รีเทล จำกัด ยังคงพัฒนาและขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยสิ้นไตรมาส 2 มีร้านกาแฟอินทนิล 492 สาขา และ Spar 35 สาขา
