Economics

ไล่บี้ ‘ผู้บุกรุก’ ออกจากพื้นที่รอบ ‘สถานีกลางบางซื่อ’ พบคนขัดขวางสั่งจับกุมทันที

ไล่บี้ “ผู้บุกรุก” ออกจากพื้นที่รอบ “สถานีกลางบางซื่อ” หวั่นทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเสียหาย “ผู้ว่ารถไฟ” ขู่หากมีการขัดขวาง ประสานตำรวจเข้าจับกุมทันที

S 25952369

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (20 ก.ย.) การรถไฟฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสนธิกำลัง ณ สำนักงานภาคสนามการรถไฟฯ ถนนกำแพงเพชร 6 กรุงเทพฯ เพื่อทวงคืนพื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต สัญญาที่ 1 จากกลุ่มผู้บุกรุก

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) สัญญาที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟทางไกล อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ และปัจจุบันการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์

แต่พื้นที่ดังกล่าวมีผู้บุกรุก ซึ่งไม่ยอมย้ายออกพื้นที่ ก่อให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาอาจถือเป็นเหตุขอขยายระยะเวลาสัญญาจ้าง ทำให้ภาครัฐได้รับความเสียหายอย่างมาก ขณะเดียวกันปัญหาดังกล่าวก็จะทำให้โครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีแดงเกิดความล่าช้าด้วย

การรถไฟฯ จึงต้องดำเนินการผลักดันผู้บุกรุกในพื้นที่การก่อสร้าง เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จตามแผนงาน ดังนี้

  1. พื้นที่งานสัญญาที่ 1 พื้นที่งานก่อสร้างโรงงานซ่อมบำรุงและเก็บรักษาขบวนรถไฟฟ้า ที่มีผู้บุกรุกกีดขวางงานก่อสร้าง
  2. พื้นที่งานก่อสร้างถนนและแนวรั้วรอบพื้นที่โครงการ ซึ่งทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ดังนี้

2.1 บริเวณใต้ทางยกระดับ เข้า-ออก สถานีกลางบางซื่อ

2.2 สถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) เดิม ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 (พื้นที่ 35 ไร่)

2.3 ห้องแถวชั้นเดียว 20 ห้อง ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 (พื้นที่ 35 ไร่) จ่ายค่ารื้อถอนแล้ว แต่ผู้บุกรุกไม่ยอมรื้อถอนตามข้อตกลง

2.4 อาคารพักอาศัยอาคารโฮปเวลล์ 2 ชั้น จำนวน 2 อาคาร หลังสถานี NGV เดิม

  1. พื้นที่บริเวณริมถนน BS7 มีผู้บุกรุกรายใหม่เข้ามาประกอบธุรกิจและค้าขาย โดยไม่มีสัญญากับการรถไฟฯ ตามระเบียบที่กำหนดเงื่อนไขไว้                                         S 25952368

“การรถไฟฯ มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อให้การก่อสร้างของโครงการฯ สามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภายในเดือนตุลาคม 2562 นี้ การรถไฟฯ จะทำการขนย้ายขบวนรถไฟฟ้าของโครงการเข้ามาเก็บให้พื้นที่โรงงานซ่อมบำรุงในบริเวณใกล้เคียงกับผู้บุกรุกอยู่อาศัย ซึ่งขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น มีมูลค่าสูงและยังเป็นวัสดุปกรณ์ที่ต้องสั่งทำเฉพาะ หากเกิดความเสียหายหรือสูญเสียอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระยะเวลาเปิดการให้บริการเดินรถที่กำหนดไว้ด้วย” นายวรวุฒิกล่าว

สำหรับผู้บุกรุกที่อยู่ในพื้นที่ในปัจจุบัน เป็นผู้บุกรุกรายใหม่ที่การรถไฟฯ จะไม่จ่ายค่าชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้น โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ ซึ่งปัจจุบันการรถไฟฯ ไม่ได้อนุญาตให้บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ เข้าใช้พื้นที่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

ส่วนประเด็นที่ผู้บุกรุกพื้นที่ อ้างว่าการรถไฟเคยได้งบอนุมัติมาจำนวน 100 ล้านบาทเพื่อทำการจ่ายชดเชยให้ผู้เข้าพื้นที่ดำเนินการรื้อถอน แต่ไม่เคยจ่ายให้แก่ผู้เช่านั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่เป็นผู้ที่บุกรุก และไม่เคยมีสัญญาเช่ากับการรถไฟฯ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่การรถไฟฯ จะไปของบประมาณมาจ่ายชดเชยให้

S 25952365

นายวรวุฒิกล่าวต่อว่า ในส่วนของปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ และผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ติดประกาศขับไล่ผู้บุกรุก แต่ได้มีกลุ่มบุคคลเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยวิธีการนำรถยนต์จอดปิดทาง เข้า – ออก พื้นที่สถานีบริการก๊าซ NGV เดิม เพื่อไม่ให้รถร่วมบริการของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตลอดจนผู้ที่เข้ามาใช้พื้นที่ 35 ไร่ ออกจากพื้นที่ เพื่อกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในวันนี้ หากมีการขัดขวางการปฏิบัติการดังกล่าว การรถไฟฯ จะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะทำการขนย้ายรถยนต์ที่ผู้บุกรุกใช้ปิดกันพื้นที่เพื่อไม่ให้รถบัส รถตู้ หรือรถของประชาชนเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว และจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้นั้นจนถึงที่สุด

Avatar photo