Economics

‘เชลล์’ ประเมินอีก 51 ปี สัดส่วนฟอสซิลเหลือ 20%

“เชลล์” ประเมินอีก 51 ปี พลังงานฟอสซิลจะมีสัดส่วนลดลงเหลือ 20% อีก 80% เป็นพลังงานทดแทน พร้อมพยากรณ์ไฟฟ้า กลายเป็นพลังงานหลักของโลกในอนาคต

บริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษา ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และยั่งยืนในอนาคตสำหรับประเทศไทย ในงานสัมมนา 2019 Shell Forum เป้าหมายเพื่อส่งเสริมทุกภาคส่วน ให้มีระบบพลังงานที่ลดการปล่อยคาร์บอนในประเทศไทย

IMG 20190821 101149โดยมีการนำเสนอรายงาน “Sky Scenarios” ซึ่งเป็นรายงานจำลองสถานการณ์ Shell Scenarios ฉบับล่าสุด โดย ดร.มัลลิกา อิชวารัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและที่ปรึกษาด้านนโยบาย เชลล์ กรุ๊ป สแตรทิจี้ ได้นำเสนอความเป็นไปได้ทางเทคนิค พร้อมความท้าทายสำหรับสังคมในการบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)

โดยกล่าวว่าในปี 2613 เทียบปี 2558 ประชากรโลกจะเพิ่มจาก 7,000 ล้านคนเป็น 10,000 ล้านคน ดังนั้นเราจำเป็นต้องหาทางที่จะส่งมอบพลังงานมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนประชากรทั่วโลกดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางลดก๊าซเรือนกระจกลง

ดังนั้นแบบจำลองสถานการณ์ของเชลล์ จึงเห็นภาพในอนาคต ที่พลังงานหมุนเวียนจะเข้ามาเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของระบบพลังงานโลก โดยพลังงานแสงอาทิตย์ จะเพิ่มจาก 1-2% เป็น 32% ลม ที่ผลิตน้อยมาก เพิ่มเป็น 13% พลังงานชีวภาพ จาก 9% เป็น 14% นิวเคลียร์ 5% เป็น 11%

ส่วนพลังงานฟอสซิลลดลง ก๊าซธรรมชาติ จาก 22% เหลือ 6% น้ำมัน จาก 32% เหลือ 10% ถ่านหิน 27% เหลือ 6% หรือโดยรวมแล้ว เชื้อเพลิงฟอสซิลจะลดลงจาก 80 % เหลือ 20% 

และพลังงานในอนาคตจะเป็นพลังงานไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ มีสัดส่วนเพิ่มจาก 20 % เป็น 50-60 % อีก 40% ที่เหลือเปลี่ยนไปใช้ไฟไม่ได้ จะต้องร่วมกันหาวิธีการต่อไป

“แบบจำลองสถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การทำนาย หรือแผนธุรกิจและไม่ใช่นโยบายของเชลล์ แต่เราหวังว่ามุมมองจากแบบจำลองสถานการณ์นี้ จะจุดประกายส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรและโครงการต่างๆ ทั่วโลกและในระดับประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”

ดร.มัลลิกา กล่าวว่าเพื่อลดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกตามข้อตกลงปารีสไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส โครงการที่ทุกภาคส่วนควรจะต้องดำเนินการ ประกอบด้วย

1. ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการนำไปใช้ในการดักจับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( Carbon Capture and Storage ) จากเชื้อเพลิงฟอสซิลงใต้ดิน

2.ปลูกต้นไม้ และลดการตัดไม้ทำลายป่า

3.ขยายเมืองอัจฉริยะ เพื่อลดใช้พลังงาน (สมาร์ทซิตี้)

4.สนับสนุนการใช้เครื่องมือจูงใจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการปรับเพิ่มขึ้นของราคาซื้อขายคาร์บอน จากปัจจุบัน 10 ดอลลาร์ต่อตันคาร์บอน ควรเป็น 200 ดอลลาร์ต่อตันคาร์บอน

5.ปรับพฤติกรรมของผู้บริโภค

IMG 20190821 165647ด้านนายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เชลล์เห็นความสำคัญของพลังงานทดแทน และสนับสนุนอนาคตของพลังงานที่ยั่งยืน และดีต่อสิ่งแวดล้อม หรือ “More and Cleaner Energy”

โครงการลดภาวะโลกร้อนของเชลล์ที่สำคัญ ก็คือ การร่วมลงทุนดำเนินธุรกิจโซลาร์เซลล์ มีฐานการทำงานที่สิงคโปร์ ปัจจุบันมีลูกค้า 20-30 รายแล้ว สำหรับในไทยของเชลล์ เริ่มแรกจะติดตั้งโซลาร์บนหลังคาในสำนักงานของเชลล์ คลังน้ำมัน รวมถึงในปั๊มน้ำมันที่เชลล์มีกว่า 600 แห่ง

ร่วมไปถึงส่งเสริมกิจกรรมการฟื้นฟูป่า เพื่อลดความหนาแน่นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการลดก๊าซเรือนกระจกภายในปี พ.ศ. 2568

 

Avatar photo