“วีรศักดิ์” มอบนโยบายเดินหน้าปลุกเศรษฐกิจฐานราก หวังเพิ่มเงินในกระเป๋าเกษตรกร ประชาชน และผู้ผลิตชุมชน เตรียมลุยฟื้นโชห่วย เพิ่มจำนวนสินค้า GI สร้างโอกาสให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากการค้าเสรี พร้อมให้เดินหน้าอาร์เซ็ป ฟื้นเอฟทีเอไทย-อียู เร่งเอฟทีเอปากีสถาน ตุรกี ศรีลังกา และจัดประชุมเจทีซีกับคู่ค้า ขยายความร่วมมือค้าขาย
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เชิญอธิบดีและผู้บริหารหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล มาหารือเพื่อขับเคลื่อนงานไปสู่การปฏิบัติ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดนโยบายการทำงานเร่งด่วนไว้ 10 ข้อ ซึ่งในนโยบายเร่งด่วนนี้ มีถึง 6 ข้อ ที่เกี่ยวข้องกับงานในการกำกับดูแลของตน ที่ได้กำกับดูแลงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , กรมทรัพย์สินทางปัญญา , กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ , ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) , สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) , และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)
“ได้เน้นให้หน่วยงานที่ผมรับผิดชอบ เดินหน้าภารกิจที่มุ่งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากก่อน เพราะเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างรายได้ให้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ประชาชนที่อยู่ในส่วนภูมิภาค ผู้ผลิตสินค้าชุมชน ผู้ประกอบการในชุมชน หากทำให้คนเหล่านี้มีความเข้มแข็ง มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม”
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เร่งพัฒนาการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและประชาชน เข้าไปช่วยพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจท้องถิ่น เพราะเป็นร้านค้าที่ใกล้ชิดประชาชน กระจายอยู่ทั่วประเทศ หากสร้างความเข้มแข็ง ก็จะทำให้โชวห่วยของไทยอยู่รอด และเป็นที่พึ่งของประชาชนในระดับฐานราก ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP Select โดยให้ช่วยพัฒนาปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานสินค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เร่งสร้างและขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น และสร้างผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ เพื่อให้คนมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจเพิ่มขึ้น
กรมทรัพย์สินทางปัญญา
เน้นส่งเสริมให้มีการเพิ่มจำนวนสินค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 111 รายการ เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่เป็นแหล่งผลิต โดยหลังจากนี้ ขอให้มีชุดเคลื่อนที่ (โมบาย ยูนิต) ลงพื้นที่ไปแนะนำและให้ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ผลิตในชุมชน เพื่อจัดทำคำขอขึ้นทะเบียน GI ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการควบคุมคุณภาพสินค้า และส่งเสริมช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้มูลค่าตลาดเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5,300 ล้านบาทให้ได้
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
เร่งรัดผลักดันการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศ ให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้ตามเป้าหมาย การเตรียมการเพื่อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) การเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอที่กำลังเจรจาอยู่ทั้งไทย-ปากีสถาน ไทย-ตุรกี และไทย-ศรีลังกา ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว การเตรียมการเจรจาเอฟทีเอกับอังกฤษ ที่กำลังออกจากอียู การพิจารณาการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และให้เดินหน้าจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (เจทีซี) กับประเทศคู่ค้า เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม บังกลาเทศ และอิรัก เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า และขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
ขณะที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปะชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) , สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) , และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ได้ขอให้ขับเคลื่อนภารกิจที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในระดับฐานรากให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และให้นำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ