“ศักดิ์สยาม” ไฟแรง! แถลงนโยบายคมนาคมสุดหวือหวา “เปิด PPP รถไฟทางคู่” – “ลดค่ารถไฟฟ้า 3 สาย”- “เปิดถนนเหยียบได้สูงสุด 120 กม./ชม.” – “ลดค่าทางด่วน 5-10 บาทต่อเที่ยว” – “Thai First คนไทยต้องได้ก่อน” – สั่งคลอดแผน “แกร็บถูกกฎหมาย” ใน 3 เดือน ย้ำแล้วย้ำอีก “ยุคนี้ไม่มีค่าโง่”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 15.30 น. วันนี้ (30 ก.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด พร้อมมอบนโยบายการบริหารงานแก่ผู้บริหารและหน่วยงานในสังกัด กระทรวงคมนาคม จากนั้นในเวลาประมาณ 16.00 น. รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ได้เปิดแถลงข่าวแจ้งนโยบายแก่สื่อมวลชน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรอบนโยบายกระทรวงคมนาคมมีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด, 2. ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ลดภาระงบประมาณให้รัฐบาล, 3. บริหารจัดการทรัพยากรที่มีในกระทรวงคมนาคมให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ, 4. ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาปากท้องประชาชน และ 5. ทุกโครงการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการดำเนินงานมีรายละเอียดทั้งหมด 10 ข้อ ดังนี้
เปิดถนนเหยียบคันเร่งได้ถึง 120 กม./ชม.
1.นโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย
1) การแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการปรับปรุงถนนพระราม 2
2) การแก้ไขปัญหามลภาวะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ โดยเข้มงวดการตรวจสอบสภาพรถให้เป็นไปตามกฎหมาย
3) ปรับเวลารถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน โดยปรับเวลาการวิ่งรถบรรทุกจากปัจจุบัน 10.00 น. -16.00 น. เป็นตั้งแต่เวลา 24.00-04.00 น. เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร
4) กำหนดอัตราความเร็วถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไป ให้ใช้อัตราความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูล และนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้ง 4 เรื่อง ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน!
ศึกษาแกร็บถูกกฎหมายใน 3 เดือน
2.สร้างทางเลือกใหม่ โดยการให้บริการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่น และกำหนดแนวทาง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) รูปแบบเดิม โดยมอบให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดำเนินการดังนี้
1.) ศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้บริการประชาชน
2) ศึกษาและกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถแท็กซี่ในปัจจุบัน ให้มีการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษา และนำเสนอแผนงาน พร้อมแนวทางปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
3.การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบด้วย
1) ศึกษา และจัดทำแผนการใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบ
2) ศึกษา และจัดทำแผนแก้ปัญหาด่านเก็บเงินทางพิเศษ (ทางด่วน) และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ให้รถสามารถผ่านด่านเก็บเงินได้อย่างรวดเร็ว ลดความแออัดของรถบริเวณหน้าด่าน
ลดค่ารถไฟฟ้า 3 สาย – ลดค่าทางด่วน 5-10 บาทต่อเที่ยว
4. ลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ดังนี้
1) พัฒนาการให้บริการรถโดยสารประจำทางองค์การขนส่งมวลชน (รถเมล์ ขสมก.) และรถร่วมโดยสารประจำทาง ให้เป็นรถเมล์ปรับอากาศทั้งระบบ และมีการจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E–Ticket) ระบบตั๋วร่วม
2) “ศึกษาแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญารวม 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-เตาปูน, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท-สุวรรณภูมิ และ รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่จะเปิดให้บริการในปี 2564”
3) ศึกษาแนวทางการปรับลดค่าผ่านทางพิเศษทุกประเภท ได้แก่ ทางด่วน, มอเตอร์เวย์ และโทลล์เวย์ ตั้งแต่ 5 – 10 บาท โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง พร้อมนำเสนอแผนงานแนวทางปฏิบัติ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
นายกฯ สั่งทำ PPP รถไฟทางคู่
5.พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางราง ประกอบด้วย
1) พัฒนารถไฟทางคู่ เพิ่มการขนส่งสินค้าทางระบบรางจาก 5-10% ในปัจจุบันเป็น 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นระบบโลจิสติกส์หลักในการขนส่งสินค้า
2) “สนับสนุนภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน”
3) ศึกษา วิจัย และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากรางที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสามารถใช้ให้เกิดผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าสูงสุดในอนาคต เพื่อให้บริการประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
นายศักดิ์สยามกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นั้น จะต้องเปลี่ยนบทบาทให้เอกชนเข้ามาเดินรถมากขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะขาดทุนไปเรื่อยๆ แต่เอกชนก็ต้องจัดสรรรายได้คืนกลับมาให้การรถไฟฯ ด้วย อีกทั้งปัจจุบันบริการของการรถไฟฯ ก็อยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก หัวรถจักรหมดอายุและที่สำคัญคือไม่มีแผนการซ่อมบำรุง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมให้ไปพิจารณาใช้วิธีร่วมทุนกับเอกชน (PPP) ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่, เดินรถโดยสาร และเดินรถสินค้า ซึ่งตนก็ต้องไปคุยกับสหภาพการรถไฟฯ และการรถไฟฯ ให้ชัดเจนว่าถ้าหาก PPP แล้ว การรถไฟฯ จะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง
สนามบินต้องรับได้ 150 ล้านคนต่อปี
6. พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำ ประกอบด้วย
1) พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้เป็นการเดินทางและการขนส่งทางเลือกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งระบบอื่น ๆ ได้
2) พัฒนาการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อลดปริมาณรถบรรทุกจากภาคใต้เข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีกว่า 60,000 คันต่อวัน
7.พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ประกอบด้วย
1) พัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางอากาศ เพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคนภายใน 3 ปี
2) สนับสนุนสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) ให้บริการประชาชนในภูมิภาคเพิ่มขึ้น และให้มีคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากล
8. การจัดทำโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1.) “ใช้หลักการ Thai First” คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน เป็นหลักสำคัญ ทั้งโครงการประมูลก่อสร้างและโครงการระบบต่างๆ เพื่อให้เงินไหลเวียนภายในประเทศ
2) การใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการต่าง ๆ เช่น หลักเขตบอกทาง หมอนรางรถไฟ เป็นต้น เพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง
3) ส่งเสริมให้ท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิต และกระจายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาด
ย้ำอีกครั้ง”ไม่มีค่าโง่”
9. การดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยการทำงานของทุกหน่วยงานต้องยึดถือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นสำคัญ
10. เปิดรับฟังข้อมูลจากข้าราชการ และสหภาพรัฐวิสาหกิจ ของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจของฝ่ายนโยบายต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมจากนี้ไป จะไม่ใช่กระทรวงที่มีมิติเดียว คือ การพัฒนาการก่อสร้างโครงการขนส่งเท่านั้น กระทรวงคมนาคมต้องมีบทบาทสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ทุกนโยบาย ทุกโครงการต้องมีเป้าหมายเดียวกัน คือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนคนไทย และต้องเป็นโครงการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำคัญที่สุด คือกระทรวงคมนาคมยุคนี้ต้องไม่มีค่าโง่
โอเคกับกรมรางฯ
สำหรับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการนั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันกับการเริ่มต้นทำงานใหม่ในปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เพราะขั้นตอนการแต่งตั้งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ด้านกรมการขนส่งทางรางนั้นคือว่ามีแนวทางการทำงานที่ค่อนข้างดีแล้ว เพียงแต่รอ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. … ประกาศใช้เท่านั้น
นอกจากนี้จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาการขยายสัมปทานทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อแลกกับการยุติความขัดแย้งกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM อีกครั้ง โดยการแต่งตั้งคณะทำงานฯ จะต้องแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์และมีรองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน