พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา -แม่โขง (ACMECS Summit)
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันหารือ ถึงความร่วมมือในการพัฒนาความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อในภูมิภาคควบคู่ กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อส่งเสริมการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันของอนุภูมิภาค
สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ผู้นำทั้งสองฝ่าย เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย -เวียดนาม ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายร่วมกันสนับสนุนการจัดทำแผนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในอนาคต
สำหรับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ไทยและเวียดนาม สนับสนุนให้ใช้การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย- เวียดนาม ครั้งที่ 3 ในเดือนสิงหาคม2561 เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2563 ตามที่ตกลงกันไว้
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ส่งเสริมให้เอกชนไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น โดยเวียดนามยินดีดูแลดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนไทยอย่างดี
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความพร้อมของไทยในการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนเสริมสร้างความเป็นประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ความเชื่อมโยง และความร่วมมือแห่งอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งไปด้วยกัน
ภายหลังการหารือ พล.อ. ประยุทธ์ และนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่
1. บันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่าง บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ สำนักงานพัฒนาการวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงความเข้าใจคือ เพื่อส่งเสริมการสร้างธุรกิจ SMEs ให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่มีความเป็นสากล พร้อมขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
2.บันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท Xuan Cau ของเวียดนามโดยสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงความเข้าใจคือ การร่วมทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
SHARE
FOLLOW US
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight
