Economics

ไฟเขียว กฟน.-กฟภ.ใช้งบฉุกเฉิน 1.4 พันล้าน อุดหนุนมาตรการลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน

ไฟเขียว กฟน.-กฟภ.ใช้งบฉุกเฉิน 1.4 พันล้าน อุดหนุนมาตรการลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2568

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 มีมติอนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 1,418.01 ล้านบาท

พื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567

ลดค่าไฟฟ้า

ไฟเขียวใช้งบ อุดหนุนมาตรการลดค่าไฟฟ้า

โดยเป็นกรอบวงเงินของ กฟน. วงเงิน 222.96 ล้านบาท และ กฟภ. วงเงิน 1,195.05 ล้านบาท และให้ กฟน. และ กฟภ. เบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ

โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติ (23 กรกฎาคม 2567) เห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน ซึ่งให้ช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567

และต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (11 ธันวาคม 2567) อนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 472.67 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายน 2567

  1. ในครั้งนี้กระทรวงมหาดไทย (มท.) จึงเสนอขอรับการจัดสรร งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,418.01 ล้านบาท เพื่อดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 โดยเป็นกรอบวงเงินของ กฟน. จำนวน 222.96 ล้านบาท และเป็นกรอบวงเงินของ กฟภ. จำนวน 1,195.05 ล้านบาท

ลดค่าไฟฟ้า

กฟน.-กฟภ. จัดทำแผนประสานกับสำนักงบประมาณ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป และขอให้ มท. โดย กฟน. และ กฟภ. จัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (สงป.) ตามขั้นตอนต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo