Economics

พ.ร.บ.สุราชุมชน เริ่มแล้ว ปลดล็อกเกษตรกร-รายย่อย ขออนุญาตผลิตเพื่อการค้า

พ.ร.บ.สุราชุมชน เริ่มแล้ว ปลดล็อกเกษตรกร-ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ ขออนุญาตผลิตเพื่อการค้า ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมผู้ผลิตสุราชุมชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ

สุราชุมชน

ปลดล็อกขออนุญาตผลิตเพื่อการค้าได้

สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการ แก้ไขมาตรา 153 ของ พ.ร.บ.เดิม โดยกำหนดให้ผู้ใดประสงค์จะผลิตสุราหรือมีเครื่องกลั่นไว้ในครอบครอง ต้องยื่นคำขออนุญาตต่ออธิบดีกรมสรรพสามิต และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด

ทั้งนี้ กฎกระทรวงที่จะตามมาจะต้อง ส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน องค์กรเกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายย่อย สามารถยื่นขอใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าได้ โดยใช้วัตถุดิบการเกษตรในประเทศ และสุราที่ผลิตอาจมีสีหรือกลิ่นได้

กฎหมายยังระบุชัดว่า ห้ามกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นการเลือกปฏิบัติหรือก่อให้เกิดการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นธรรม หรือสร้างภาระเกินสมควร เว้นแต่ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถือครองของชาวต่างชาติ หรือการผลิตสุราของรัฐวิสาหกิจที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย โดยใบอนุญาตที่ออกจะมีอายุ 3 ปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาต

การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้ เป็นการปลดล็อกข้อจำกัดเดิมที่เคยเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายใหม่ ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยเฉพาะสุsาชุมชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ Soft Power ของไทยที่มีศักยภาพต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้อย่างมาก

สุราชุมชน
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์

มูลค่าทางเศรษฐกิจของสุราชุมชนเติบโต

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมสรรพสามิต ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในระบบภาษีสรรพสามิตรวมกว่า 2,119 ราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สามารถจัดเก็บภาษีจากการผลิตสุsาชุมชนได้กว่า 1,200 ล้านบาท สะท้อนถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

“การผลักดัน พ.ร.บ.สุsาชุมชนในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง SMEs เข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” ที่มุ่งให้คนตัวเล็กมีพื้นที่ยืนในระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม และมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนหลังจากนี้จะดำเนินไปด้วยความโปร่งใส เปิดกว้าง และไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงโอกาสได้จริงอย่างเท่าเทียม” นางสาวศศิกานต์ ทิ้งท้าย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo