Economics

ส่งออกขยายตัว หนุนภาวะเศรษฐกิจการคลังไทย มี.ค. 68 จับตานโยบาย สหรัฐ-จีน

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยส่งออกขยายตัว 9 เดือนติด หนุนภาวะเศรษฐกิจการคลัง มีนาคม 2568 ห่วงท่องเที่ยว-สินค้าคงทุนชะลอตัว พร้อมจับตานโยบายการค้าสหรัฐ-จีน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมีนาคม 2568 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือน 9

ภาวะเศรษฐกิจการคลัง

อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวต่างชาติ และการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนมีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป

เปิดรายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการคลัง มีนาคม 2568 

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน

มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนมีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.1% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.5% สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนมีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.7% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนมีนาคม 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 56.7 จากระดับ 57.8 ในเดือนก่อน

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง รวมถึงปัญหาสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในเดือนมีนาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.1% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.6%

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน

มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (ตัวเลขเบื้องต้น) ในเดือนมีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 11.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 13.6% และปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนมีนาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 12.1% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 5.1%

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ (ตัวเลขเบื้องต้น) ในเดือนมีนาคม 2568 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 11.8% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 0.5%

ภาวะเศรษฐกิจ

  • มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน

มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์ ในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 29,548.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ที่ 17.8% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัว 15% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ โดยขยายตัว 80.2%, 69.8%, 41.55 และ 19.1% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยางพารา ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 19.5 16.0 และ 14.4 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าว น้ำตาลทราย และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปรับตัวลดลง

เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐ จีน อาเซียน และอินเดีย rพบว่า ขยายตัว 34.3%, 22.2%, 13.2% และ 8.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดทวีปออสเตรเลีย ลดลง 11.4%

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน

โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนมีนาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.72 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.8% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 11.5%

ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนมีนาคม 2568 จำนวน 22.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 3.2% ส่วน

ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนมีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 7.1% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.1% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และยางพารา เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตมันสำปะหลัง และข้าวโพด ลดลงจากเดือนก่อน

สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 91.8 จากระดับ 93.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 กระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว รวมถึงการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

  • เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี

สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 0.84% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.86% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ 64.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

ด้านเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 245.3 พันล้านดอลลาร์

พรชัย ฐีระเวช 1
พรชัย ฐีระเวช
  • สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัว

สะท้อนจาก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลก (Global Composite PMI) ในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 52.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.5 จุด และยังอยู่สูงกว่าระดับ 50.0 จุด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีทิศทางขยายตัว

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ในเดือนมีนาคม 2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 50.3 จุด จากระดับ 50.6 จุด ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการปรับตัวลดลงของดัชนีย่อย เช่น ผลผลิต ยอดคำสั่งซื้อใหม่

ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคบริการ (Global Service PMI) ในเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 52.7 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.5 และสูงกว่าระดับ 50.0 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 27 บ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงขยายตัว

ทั้งนี้ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในหลายประเทศ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง รวมไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ถือเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกที่ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo