Economics

ธุรกิจสุกรดัน ‘CPF’ ไตรมาสแรกกำไรพุ่ง 40%

“ซีพีเอฟ” กำไรไตรมาส 1/62 เพิ่ม 40% จากปีก่อน จากสถานการณ์สุกรล้นตลาดในเวียดนามฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ CPF  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ด้วยรายได้จากการขายจำนวน 125,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของกิจการต่างประเทศที่มีสัดส่วน 67% ของรายได้จากการขายรวม โดยอีก 33% มาจากกิจการในประเทศ

โดยกำไรสุทธิของบริษัท สำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 มีจำนวน 4,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจสุกร ของกิจการในประเทศเวียดนาม ไทย และ กัมพูชา ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากภาวะราคาสุกร ซึ่งลดต่ำลงอย่างมาก จากภาวะล้นตลาดในงวดเดียวกันของปีก่อนได้กลับคืนสู่ภาวะปกติ รวมทั้งการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 9% ของงวดเดียวกันปีก่อน เป็น 14% ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้

สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ป cpf Copy
สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวถึงสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF (African Swine Fever) ที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ว่า อาจมีผลกระทบต่อราคาสุกรในพื้นที่ที่เกิดโรคเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เกษตรกรมีความกังวลและรีบขายสุกรที่ยังไม่เป็นโรคเข้าสู่ตลาดก่อนเวลาอันควร ทำให้เกิดภาวะล้นตลาดระยะสั้น ขณะเดียวกัน ผลจากการเกิดโรค ASF ทำให้สุกรในพื้นที่เกิดโรคมีจำนวนน้อยลง อาจส่งผลให้ระดับราคาสุกรสูงขึ้นจากภาวะเนื้อสุกรขาดตลาด

สุกร33

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่อาจมีความผันผวนบ้างจากผลกระทบของภาวะราคาสุกรในเวียดนาม ที่ยังไม่นิ่งจากการเกิดโรค ASF  ผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ในกิจการอื่นๆ ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนการลงทุนบริษัทได้ให้ความสำคัญ ในการต่อยอดธุรกิจหรือเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการ เช่น การเข้าซื้อบริษัท Hylife  ดำเนินธุรกิจสุกรเกรดพรีเมี่ยมในประเทศแคนาดาส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น  ญี่ปุ่นและ จีน และมีอัตราการทำกำไรที่ดี  ผลการเข้าซื้อน่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

ในปีนี้ เมื่อรวมการเข้าลงทุนในประเทศแคนาดา ซีพีเอฟจะมีฐานการดำเนินกิจการใน 18 ประเทศ  หลายประเทศนั้นยังมีโอกาสในการขยายธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอีกมาก เช่น ในประเทศจีน เวียดนาม รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ดังนั้นการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากกิจการในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายยอดขายในอีก 5 ปีที่ 800,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี โดยมีสัดส่วนยอดขายมาจากกิจการในต่างประเทศประมาณ 75% ของยอดขายรวม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight