Economics

ขึ้นภาษียาเส้นครั้งแรกในรอบ 40 ปีคาดดันรายได้เพิ่ม 2 พันล้าน!

สรรพสามิต1

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุม ครม.เห็นชอบปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตยาเส้นมีผลหลังเที่ยงคืน 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยการปรับเพิ่มภาษีตามปริมาณเป็น 0.1 บาท/กรัม จากเดิมจัดเก็บ 5 สตางค์/กรัม เช่น ยาเส้นขายปลีกราคา 20 – 30 บาทต่อซอง ภาษีจาก 10 บาท เพิ่มเป็น 13 บาทสำหรับซองใหญ่ ส่วนซองเล็กเพิ่ม 5 บาท เป็น 7 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2 บาท/ซอง และภาษียาเส้นไม่ได้ปรับเพิ่มมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี ส่งผลกระทบต่อโรงงานยาสูบปรุงเส้นขนาดใหญ่ แต่สำหรับโรงงานหั่นยาเส้นของชาวบ้านเพื่อส่งให้กับการยาสูบจะได้รับการยกเว้นภาษี คาดว่ามีรายได้เพิ่มจากการขยับเพิ่มภาษี 2,000 ล้านบาท จากยอดภาษีสรรพสามิตยาสูบทั้งระบบโดยรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท/ปี

ทั้งนี้ หลังจาก ครม.ปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตยาสูบเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ส่งผลให้ราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรตสูงขึ้น ทำให้สูบบุหรี่มวนลดลง โดยหันสูบยาเส้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ภาษียาเส้นเพิ่มจาก 12 ล้านกิโลกรัม เป็น 26 ล้านกิโลกรัม หรือเพิ่ม 2 เท่าตัว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอุตสาหกรรม ทั้งผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้า ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ อีกทั้งยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคยาเส้นที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น เนื่องจากยาเส้นดังกล่าวนำไปทำเป็นบุหรี่มวนเองโดยไม่มีก้นกรอง ทำให้ผู้บริโภครับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ที่ประชุม ครม.เมื่อ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมาจึงเห็นชอบขยายเวลาจัดเก็บภาษีตามมูลค่า 20% และ 40% ออกไปอีก 1 ปี เพื่อการปรับตัวและการพัฒนาด้านต่าง ๆ

พชร อนันตศิลป์

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมอเตอร์ไซค์ เปิดเผยว่า รอประกาศลงพระราชกิจจานุเบกษากำหนดมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 โดยเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีตามความจุของกระบอกสูบมาเป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงปรับการจัดเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซต์ ได้แก่ รถมอเตอร์ไซค์ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ในอัตรา 1% ของราคาขายปลีก จากปัจจุบันไม่ได้จัดเก็บ

ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 50 กรัม จัดเก็บภาษี 3% หากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 51-90 กรัม เสียภาษี 5% การปล่อยก๊าซ 9-130 กรัม เสียภาษี 9% การปล่อยก๊าซมากกว่า 130 กรัม เสียภาษี 18% ขณะที่มอเตอร์ไซค์ต้นแบบเพื่อการวิจัยได้รับการยกเว้นเสียภาษี ปัจจุบันกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีมอเตอร์ไซค์กว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี หากจัดเก็บภาษีใหม่ ทำให้กรมจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 30-40% หรือ 600- 800 ล้านต่อปี

สำหรับปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดต่ำกว่า 150 CC ที่มี 90% ของปริมาณรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดจะมีราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 100-200 บาท ต่อคันขณะที่รถบิ๊กไบท์จะมีราคาสูงขึ้นตามขนาด CC ซึ่งขณะนี้รถยนต์ที่มีขนาดต่ำกว่า 150 CC จะเสียภาษีในอัตรา 2.5% ของราคาขายปลีก ขนาด 15-500 CC เสียภาษีในอัตรา 4% ขนาด 50-1,000 CC เสียภาษีในอัตรา 8% ขนาดสูงกว่า 1,000 CC จัดเก็บภาษีในอัตรา 17%

Avatar photo