Economics

‘พิพัฒน์’ แจงลดเงิน-ขยายเวลาส่งเงิน กองทุนประกันสังคม พื้นที่น้ำท่วม ลดภาระนายจ้าง-ลูกจ้าง 7 พันล้านบาท

“พิพัฒน์” แจงรายละเอียด ลดเงิน-ขยายเวลาส่งเงิน กองทุนประกันสังคม พื้นที่น้ำท่วม ลดภาระนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า 7 พันล้านบาท เร่งประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้โดยเร็ว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือนายจ้าง ผู้ประกันตนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567

ทั้งนี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดคณะกรรมการประกันสังคมได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการ เพื่อให้การช่วยเหลือนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 42 จังหวัด โดยเร่งด่วน

พิพัฒน์

มาตรการลดเงินสมทบ-ขยายเวลาส่งเงินสมทบ

1. ลดอัตราเงินสมทบ ช่วงระยะเวลา 6 งวดเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 รายละเอียดดังนี้

  • อัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมอัตรา 5% ลดเหลืออัตรา 3% เช่น ค่าจ้าง 15,000 เดิมต้องจ่าย 750 บาทต่อเดือน ในงวดที่ได้รับการลดหย่อนจ่ายเพียง 450 บาทต่อเดือน
  • อัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จากเดิมอัตรา 9% จ่ายเงินสมทบเดือนละ 432 บาทต่อเดือน ลดลงเหลืออัตราเงินสมทบ 5.9% เท่ากับจ่ายเงินสมทบ 283 บาทต่อเดือน

2. ขยายระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบประกันสังคม โดยขยายกำหนดเวลาการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับงวดการส่งเงินสมทบ 4 งวดของเดือนกันยายน – ธันวาคม 2567 ดังนี้

  • ค่าจ้างงวดเดือนกันยายน 2567 เดิมกำหนดส่งเงินสมทบภายใน 15 ตุลาคม 2567 ขยายระยะเวลาให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 มกราคม 2568
  • ค่าจ้างงวดเดือนตุลาคม 2567 เดิมกำหนดส่งเงินสมทบภายใน 15 พฤศจิกายน 2567 ขยายระยะเวลาให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
  • ค่าจ้างงวดเดือนพฤศจิกายน 2567 เดิมกำหนดส่งเงินสมทบภายใน 15 ธันวาคม 2567 ขยายระยะเวลาให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 มีนาคม 2568
  • ค่าจ้างงวดเดือนธันวาคม 2567 เดิมกำหนดส่งเงินสมทบภายใน 15 มกราคม 2568 ขยายระยะเวลาให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 เมษายน 2568

พิพัฒน์

ลดภาระนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า 7 พันล้านบาท

การลดหย่อนเงินสมทบในครั้งนี้ สามารถลดภาระนายจ้างและผู้ประกันตนได้เป็นจำนวนกว่า 7 พันล้านบาท จำแนกเป็นเงินสมทบฝ่ายนายจ้างจำนวนประมาณ 3,400 ล้านบาท และผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 จำนวนประมาณ 3,700 ล้านบาท

นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม จะเร่งดำเนินการเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชำระเงินสมทบล่าช้าจากการขยายเวลาการนำส่ง โดยให้นายจ้างจัดทำแบบนำส่งเงินสมทบตามอัตราที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดลดหย่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo