Economics

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ลดลงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม 2567 ลดลงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน หลังยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 56.6 และปรับตัวลดลงทุกรายการ ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 13 เดือน แม้เพิ่งจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แทนนายเศรษฐา ทวีสินแล้ว แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนก็ยังไม่ได้ดีขึ้น อีกทั้งสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทยก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค

แต่ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน 2567 มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากประชาชนมีความหวังในโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ที่จะแจกเป็นเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน จะช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน หากสามารถนำเงินออกมาใช้ก่อนสัก 20-30% อาจจะมีเงินสะพัดราว 3-5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังมีจุดเปราะบางจากปัจจัย เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, การจ่ายเงินดิจิทัลวอลเลต เฟส 2 ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นในรูปของเงินสด หรือเงินดิจิทัล รวมสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปลายปีนี้ด้วยเช่น ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

“จีดีพีปีนี้มองที่ 2.8% หากจะทำให้แตะ 3% ได้จะต้องทำให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังโตได้ถึง 4% ขณะที่ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจโตแล้ว 1.9% ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะจะต้องทำให้การส่งออกขยายตัวอย่างรุนแรงมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ยังต้องมีปัจจัยที่กระทบอยู่โดยเฉพาะเรื่องของนโยบายค่าแรง 400 บาท” นายธนวรรธน์ กล่าว

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค

สำหรับการประเมินผลกระทบสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือนั้น ก่อนหน้านี้ ม.หอการค้าไทย คาดไว้ที่ 6,000-8,000 ล้านบาท ล่าสุดที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในจังหวัดเชียงราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าความเสียหายอาจเพิ่มขึ้นเป็นระดับหมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ ได้รวมผลกระทบที่เกิดจากการเสียโอกาสในด้านการท่องเที่ยวไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ ไม่มีผลกระทบมากนักกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในประเทศในปีนี้ เนื่องจากจะมีส่วนทดแทนจากเม็ดเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีกประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท แต่สิ่งที่จะกระทบจริง ๆ คือ การจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวในพื้นที่ประสบน้ำท่วม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo