“ศาลปกครอง” มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง หวั่นเป็นเหตุทำให้ผู้ประกอบกิจการเดินรถหยุดกิจการ
ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ที่อนุมัติให้ปรับอัตราค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องฯ ในคดีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเป็นผู้ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง
เนื่องจากเห็นว่า เมื่อคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่จะต้องมีมติดังกล่าวก็เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการบริการสาธารณะต่อไปได้ ไม่เดือดร้อนเกินสมควร และเพื่อการปรับปรุงการบริการสาธารณะที่ดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติก็ได้ปรับราคาขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แต่ในภาพรวมแล้วมีการปรับขึ้นราคา จึงฟังได้ว่า การที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีมติดังกล่าว จึงเป็นการออกคำสั่งที่ไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติดังกล่าวก็จะเป็นเหตุที่อาจทำให้ผู้ประกอบกิจการเดินรถโดยสารประจำทางสาธารณะหยุดกิจการ หรือลดจำนวนรถโดยสารลง หรือลดคุณภาพการให้บริการ เป็นเหตุให้ประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะต้องได้รับผลกระทบและอาจเดือดร้อนไม่มีรถโดยสารให้บริการอย่างเพียงพอ หรือการบริการขาดคุณภาพในการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะด้วย
ด้านนายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ผอ.ขสมก.) กล่าวว่า ศาลปกครองกลาง มีมติไม่สั่งคุ้มครอง กรณีขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบ ตามมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ที่ได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถโดยสารประจำทางสาธารณะทั้งรถใหม่ รถเก่า อัตราตั้งแต่ 1 – 7 บาท มีผลในวันที่ 22 เมษายน 2562
สำหรับค่าโดยสารอัตราใหม่ รถโดยสารธรรมดา ขสมก.จากเดิม 6.50 บาท เป็น 8 บาท, รถโดยสารปรับอากาศครีมน้ำเงิน คิดตั้งแต่ 12 – 20 บาท ตามระยะทาง, รถปรับอากาศยูโรทู 13 – 25 บาท ตามระยะทาง รวมถึงรถปรับอากาศใหม่ระยะทาง 4 กิโลเมตรแรก ราคา 15 บาท ระยะทาง 4 – 16 กิโลเมตร ราคา 20 บาท และระยะทาง 16 กิโลเมตรขึ้นไป 25 บาท
นอกจากนี้ ในส่วนของรถร่วมบริการฯ ขสมก.นั้น ปรับขึ้นในอัตรา 1 บาท โดยจากเดิม 9 บาท เป็น 10 บาท
