Economics

สธ.เสนอ 4 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคน หนุนไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

สธ.เสนอ 4 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคน หนุนไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินค้า-บริการสาธารณสุขต่อจีดีพี 3.8 แสนล้านบาท ในปี 2570

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป กำลังคน และภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบ และยุทธศาสตร์การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมของประเทศ ระยะยาว (5 – 10 ปี) ครั้งที่ 1/2567

นพ.โอภาส กล่าวว่า การปฏิรูป กำลังคนด้านสาธารณสุข มีความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขประเทศ และรองรับกับนโยบายรัฐบาลที่จะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งในส่วนของ Medical Hub และ Wellness Hub

ปฏิรูปกำลังคน

4 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคนด้านสาธารณสุข

พร้อมบูรณาการร่วมกับหนห่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคน ซึ่งมี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

  1. การเร่งพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะโรคสำคัญ ครอบคลุมทั้งการผลิต พัฒนา ส่งเสริม และกำกับดูแล
  2. การพัฒนาระบบริการสาธารณสุขเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งเดียว จัดระบบความร่วมมือภาครัฐเอกชนในพื้นที่
  3. การสนับสนุนส่งเสริมบริการสุขภาพที่มีศักยภาพการแข่งขันที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
  4. การสร้างเสริมระบบกลไกการอภิบาลกำลังคนด้านสุขภาพให้เข้มแข็ง

ซึ่งจะได้เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อลงนาม และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป

ปฏิรูปกำลังคน

เพิ่มมูลค่าสินค้าบริการสุขภาพต่อจีดีพี 3.8 แสนล้านในปี 2570

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า การจัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญ คือ

  1. คนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ลดอัตราการตายในโรคที่สำคัญ โดยผลิตบุคลากรรองรับ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ทารกแรกเกิด โรคหลอดเลือดสมอง อุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น
  2. เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ผลิตบุคลากรให้เพียงพอ กระจายตัวอย่างเหมาะสมตามบริบทพื้นที่ และรองรับการบริการในอนาคต เช่น เร่งรัดการผลิตแพทย์ 4,000 คนต่อปี พยาบาล 15,000 คนต่อปี กายภาพบำบัด 2,000 คนต่อปี แพทย์แผนไทย 1,500 คนต่อปี
  3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการสุขภาพต่อ GDPจาก 1.33% หรือ 2.3 แสนล้านบาท ในปี 2565 เป็น 1.7% หรือ 3.8 แสนล้านบาท ในปี 2570

ปฏิรูปกำลังคน

ซึ่งคาดการณ์ว่ามี 9 สาขาวิชาชีพที่สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้  ได้แก่ เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ, การป้องกันและดูแลเส้นเลือดหัวใจ, การรักษากระดูกข้อเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ, ทันตกรรม, การรักษาผู้มีบุตรยาก, การรักษาโรคมะเร็ง, การปลูกถ่ายอวัยวะ, การผ่าตัดหัวใจและการผ่าตัดทำบอลลูน และศัลยกรรมตกแต่งและการแปลงเพศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo