Economics

‘นฤมล’ พบปะรมว.เพาะปลูกมาเลเซีย ผนึกความร่วมมืออุตสาหกรรมยางพารา

“นฤมล” พบ รมว.เพาะปลูกมาเลเซีย ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา เผยไทย-มาเลเซีย เตรียมลงนาม MOU เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งผู้นำยางพาราของโลก

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย หารือกับ ดาโต๊ะ เสรี โจฮารี อับดุลกานี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์มาเลเซีย และคณะผู้บริหารจาก Ministry of Plantation Industries and Commodities และคณะผู้บริหาร Malaysian Rubber Board ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีทีมไทยเลนด์ ประกอบด้วย น.ส.ลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปรอ์ ดร. เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นายโกศล บุญคง รองผู้ว่าการด้านบริหารการยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อุตสาหกรรมยางพารา

การพบปะหารือครั้งนี้ เพื่อร่วมเจรจาด้านการค้าการลงทุนในธุรกิจยางพารา เตรียมพร้อมเดินหน้าจับมือลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการยางพารา และสร้างความเข้มแข็งในฐานะผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกด้านยางพาราของโลก

ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ และมีมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความร่วมมือระหว่างประเทศและการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อพัฒนาการค้ายางและความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านยางพาราของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

ปัจจุบันทั้งสองประเทศมีผลิตภัณฑ์ที่จะต้องบังคับใช้ภายใต้กฎระเบียบ EUDR ทั้งสองประเทศควรจะให้ความร่วมมือทางข้อมูลและขั้นตอนในการตรวจสอบย้อนกลับตามกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อให้ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สู่สหภาพยุโรปมีความมั่นใจจากสินค้าที่มาจากแหล่งที่มาของทั้งสองประเทศ

สำหรับฝ่ายไทยในฐานะผู้นำด้านการผลิต หรือด้านต้นน้ำของโลก มีความยินดีในการให้การสนับสนุน เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมถุงมือยางของมาเลเซียให้มีความยั่งยืนในฐานะผู้นำการส่งออกของโลก และทั้งสองประเทศจะเป็นผู้นำด้านการพัฒนายางพาราของอาเซียน เพื่อแสดงบทบาทในการเจรจาต่อรองกับตลาดโลกได้

นฤมล

ด้าน ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันผลผลิตน้ำยางสดในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง เพราะมีการเปลี่ยนไปผลิตเป็นยางก้อนถ้วยเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของตลาด ดังนั้น ในฐานะที่ประเทศมาเลเซียมีเทคโนโลยีในการผลิตถุงมือ และประเทศไทยก็เป็นแหล่งผลิตน้ำยางที่สำคัญ หากทั้งสองประเทศร่วมมือกัน จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้อุตสาหกรรมยางพารามีความเข้มแข็งและมั่นคง ตลอดจนเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยจะมีชีวิตความเป็นที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ฝ่ายไทย ได้เสนอนโยบายของรัฐบาลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการโฉนดต้นยาง เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบย้อนกลับของพื้นที่ปลูกและการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทางมาเลเซีย มีความสนใจและมีความประสงค์ในการแลกเปลี่ยนแนวทางดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยางพาราในระยะยาว

การพบปะหารือเพื่อเจรจาระหว่างผู้แทนไทยและมาเลเซียในครั้งนี้ มีความสำเร็จอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านยางพาราซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของสองประเทศในการยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน โดยจะมีการลงนามความร่วมมือการค้าการลงทุนยางพาราอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ว ๆ นี้

นอกจากความร่วมมือด้านยางพาราแล้ว ในด้านการค้าปี 2566 มาเลเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย มูลค่ารวม 25,118 ล้านดอลลาร์ การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย มีมูลค่าสูงที่สุดของการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ คิดเป็นประมาณ 31% ของการค้าชายแดนทั้งหมด

ในปี 2568 ไทยและมาเลเซียตั้งเป้าหมายการค้าที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนด้านการท่องเที่ยว ในปี 2566 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทยทั้งสิ้น 4,563,020 คน นับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo