ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้ เต็มไปด้วยความผันผวน มีการปรับตัวขึ้น-ลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันทั่วโลก รวมถึง ไทย ที่แม้จะมีแหล่งน้ำมันดิบที่สามารถผลิตเองได้ แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ จึงต้องมีการนำเข้าทั้งน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากภูมิภาคเอเชีย
ก่อนจะเป็นน้ำมันสำเร็จรูปที่เติมจากสถานีบริการนั้น น้ำมันดิบต้องนำมาผ่านกระบวนการกลั่นของโรงกลั่น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้เงินลงทุนสูง ให้กลายเป็นน้ำมันสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งาน
อีกทั้งแต่ละประเทศมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบไม่เท่ากัน และราคายังถูกกำหนดให้เป็นไปตามนโยบายภาครัฐของประเทศนั้น ๆ อีกด้วย จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในแต่ละประเทศแตกต่างกัน
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความต้องการเชื้อเพลิงแต่ละฤดูกาล
เมื่อเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจขยายตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น และแรงผลักดันให้ราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้น
- ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีผลทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น
อาทิ ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสภาวะสงครามในแต่ละภูมิภาค ข้อตกลงกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไม่ให้สูงหรือต่ำจนเกินไป และปริมาณความต้องการน้ำมันดิบโดยรวมของตลาดโลก อันเนื่องมาจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบ (Inventory) ของโรงกลั่นน้ำมันในแต่ละภูมิภาค
- สภาพอากาศและภัยพิบัติ
เช่น พายุเฮอริเคน มีผลให้แหล่งผลิตน้ำมันดิบในทะเลต้องหยุดการผลิต หรือ แผ่นดินไหว จนแหล่งผลิต หรือท่อสำหรับขนส่งได้รับความเสียหาย ซึ่งส่งผลต่อปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะหากแหล่งผลิตนั้นเป็นแหล่งที่มีกำลังการผลิตในระดับสูง
- สงครามการค้า
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- ปัจจัยภายในของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน
ในหลายประเทศ รัฐมีนโยบายสนับสนุนราคาน้ำมัน (Price Subsidy) หรือมีนโยบายสนับสนุนราคาน้ำมันชีวภาพ มาตรการภาษี การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ ย่อมมีผลต่อการปรับขึ้นลงของราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป ประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันอยู่มาก และส่งออกอย่าง บรูไน และมาเลเซีย จึงสามารถกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปให้ต่ำได้
ขณะที่ประเทศไทยมีหน่วยงานภาครัฐ เป็นผู้กำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีก เพื่อเป็นกลไกของรัฐในการรักษาระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ
ไทยมีแหล่งน้ำมันดิบ แต่ผลิตได้แค่ 10% ของความต้องการในประเทศ
ปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยส่งออกน้ำมัน เพราะมีเหลือใช้มากมาย แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบได้แค่ประมาณ 10% ของปริมาณการใช้เท่านั้น และบางส่วนมีสารปนเปื้อนสูงเกินกว่าที่โรงกลั่นในประเทศจะรับได้ จึงจำเป็นต้องส่งออก
ไทยผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 136,183 บาร์เรลต่อวัน แต่ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ประมาณ 1,128,591 บาร์เรลต่อวัน จึงต้องมีการนำเข้าน้ำมันดิบประมาณ 962,155 บาร์เรลต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานภายในประเทศ (EPPO ธ.ค. 2566) โดยประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางประมาณ 57% ตะวันออกไกล 19% และแหล่งอื่น ๆ เช่น สหรัฐ ลิเบีย และออสเตรเลีย รวม 24%
ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป พบว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีการผลิตอยู่ที่ 174 ล้านลิตรต่อวัน มีการใช้งานที่ 152 ล้านลิตรต่อวัน และนำเข้าอยู่ที่ 9 ล้านลิตรต่อวัน (DOEB Thailand ธ.ค. 2566)
เปิดโครงสร้าง “ราคาน้ำมันไทย”
โครงสร้างราคาน้ำมันของแต่ละประเทศ โดยหลักประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ ต้นทุนเนื้อน้ำมัน ภาษีและกองทุนต่าง ๆ และ ค่าการตลาด ซึ่งโครงสร้างในแต่ละส่วนจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันตามนโยบายด้านพลังงานของแต่ละประเทศ
ต้นทุนเนื้อน้ำมัน ที่ซื้อจากโรงกลั่น หรือที่เรียกว่า “ราคา ณ โรงกลั่น” มีสัดส่วนประมาณ 71% ของราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งต้นทุนเนื้อน้ำมันใช้หลักการกำหนดราคาแบบ Import Parity ที่อ้างอิงราคาจากตลาดสิงคโปร์ ตลาดซื้อขายน้ำมันใหญ่ที่สุดของเอเชีย (ไม่ได้เป็นราคาที่ประกาศโดย ประเทศสิงคโปร์ หรือโรงกลั่นสิงคโปร์ แต่เป็นราคาที่สะท้อนถึงการซื้อขายของทุกประเทศในภูมิภาคนี้)
ราคาน้ำมันจะมีค่าในการปรับปรุงคุณภาพ เพื่อปรับให้สอดคล้องกับคุณภาพของประเทศไทย และรวมค่าขนส่งซึ่งในแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไปตามระยะทาง โดยหลักการกำหนดราคาดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางเดียวกับประเทศในภูมิภาค อาทิ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย และ มาเลเซีย
ภาษีและกองทุนต่าง ๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป ประกอบด้วย
- ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิตเป็นผู้เรียกเก็บให้เป็นรายได้ของภาครัฐน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
- ภาษีเทศบาล เรียกเก็บเพื่อบำรุงท้องถิ่น คิดเป็น 10% ของภาษีสรรพสามิต
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐเรียกเก็บ ณ ที่จุดจำหน่ายเช่นเดียวกับสินค้าประเภทอื่น ๆ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศด้านต่างๆ โดยปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจการขายสินค้า การให้บริการทุกชนิด และการนำเข้า อยู่ที่อัตราร้อยละ 7
- กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เรียกเก็บโดยกระทรวงพลังงาน จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ เมื่อเกิดราคาน้ำมันผันผวน
- กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนอุดหนุนนโยบายอนุรักษ์พลังงาน สำหรับสนับสนุนการค้นคว้าวิจัย เพื่อการพัฒนาการใช้พลังงานทดแทน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงานของประเทศ มีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เป็นผู้กำกับควบคุม
โครงสร้างเหล่านี้ จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เช่น มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ที่รัฐบาลไม่มีนโยบายการจัดเก็บภาษี เนื่องจากมีรายได้จากการผลิต และส่งออกน้ำมัน รวมถึงยังมีมาตรการอุดหนุนราคาขายปลีกอีกด้วย จึงทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปของมาเลเซียถูกกว่าไทย
หรืออย่างเมียนมา ที่มี โครงสร้างราคาที่เหมือนกับไทย คือ ต้นทุนเนื้อน้ำมันจากโรงกลั่นที่มีสัดส่วนมากที่สุด แต่การจัดเก็บภาษีน้ำมันจะมีอัตราที่ต่ำกว่าไทย และไม่มีการเก็บเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ
ค่าการตลาด ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทผู้ค้าน้ำมัน ที่แต่ละแห่งจะมีทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริหารจัดการดูแลสถานีบริการ รวมถึงกำไรของผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป
สุดท้ายนี้ไม่ว่าราคาพลังงานจะขึ้น-ลง อย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการเห็นคุณค่า และใช้พลังงานอย่างประหยัด เช่น วางแผนการเดินทางให้ดี ดับเครื่องรถยนต์ เมื่อต้องจอดเป็นเวลานาน ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด และปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน ซึ่งสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ จะทำให้มีพลังงานใช้อย่างยั่งยืนต่อไปอีกในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พีระพันธุ์’ เร่งกม.ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน – ดึงอำนาจกำหนดภาษีสรรพสามิต
- เปิดรายละเอียด! รัฐบาลเคาะตรึงราคาดีเซล-ตรึง LPG-ลดค่าไฟ ช่วยประชาชน
- ‘นายกรัฐมนตรี’ ไฟเขียว! ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg