Economics

กุมขมับ!! KKP ชี้เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณโตช้า หวั่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ดับ! ฉุดจีดีพีปี 67

KKP Research หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.4% ชี้เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณโตช้า หวั่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” ดับ!! ฉุดเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวแค่ 2.9%

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร ปรับลดประมาณการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 66 เหลือ 2.4% ส่วนในปี 67 คาดว่าหากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านจะอยู่ที่ 3.7% แต่หากไม่ผ่านจีดีพีได้จะลดเหลือ 2.9%

kkp 27116603

ทั้งนี้ การที่จีดีพีไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ 1.5% ขณะที่จีดีพีฝั่งอุปสงค์โตได้ถึง 5.6% ความแตกต่างกันค่อนข้างมากของจีดีพีฝั่งอุปสงค์และอุปทาน ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงอ่อนแอกว่าที่ตัวเลขแสดงเศรษฐกิจในประเทศ อ่อนแอกว่าที่เห็นการบริโภคของจีดีพีไตรมาส 3 โตสูงถึง 8% ในภาวะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงและภาคธนาคารชะลอการปล่อยกู้สินเชื่อภาคครัวเรือน

เมื่อพิจารณาประกอบกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ แล้ว การใช้จ่ายในประเทศน่าจะโตได้น้อยกว่าตัวเลขดังกล่าวมาก ภายใต้ข้อสังเกตดังต่อไปนี้

เศรษฐกิจไทย

  1. ยอดขายบ้านและรถยนต์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะรายได้ในประเทศที่ยังฟื้นตัวได้ช้า การปล่อยกู้ของสินเชื่อภาคธนาคารที่ตึงตัวขึ้นมาก และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น
  2. ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนออกมาอ่อนแอต่อเนื่องสวนทางกับจีดีพีฝั่งการใช้จ่าย โดยในช่วงที่ผ่านมาทิศทางกำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยค่อนข้างแย่และมีจำนวนหุ้นที่ถูกปรับการคาดการณ์รายได้ (Earning) ลงมากกว่าจำนวนหุ้นที่ถูกปรับการคาดการณ์รายได้ขึ้น ขณะที่กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ลดลงมากว่า 10% จากต้นปี 66 ซึ่งลดลงมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะอยู่ในช่วงที่ชะลอตัวมากกว่าฟื้นตัวได้ดี
  3. อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same store sale growth) ของบริษัทจดทะเบียนมีทิศทางที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยชะลอตัวลงทั้งในกลุ่มของสินค้าจำเป็นและสินค้าฟุ่มเฟือย และมีแนวโน้มปรับเป็นติดลบในไตรมาสที่ 3 ปี 66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  4. สินเชื่อในภาคธนาคารหดตัว สะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์มีมุมมองที่ไม่ดีนักต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและคุณภาพสินเชื่อในระยะข้างหน้า จึงชะลอการปล่อยกู้ลง
  5. ผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปีภาษีที่ผ่านมา ภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งควรสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแม้ปรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงแล้ว ซึ่งผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง

“ทั้ง 5 ชุดข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศไม่น่าจะขยายตัวได้ดีมากนัก ทั้งการบริโภคสินค้าคงทน สินค้าไม่คงทน และการลงทุนมีแนวโน้มชะลอตัวลงทั้งหมด” เอกสารเผยแพร่ ระบุ

เศรษฐกิจไทย

ปรับ GDP ปี 67 เป็น 3.7% หากไม่มี “ดิจิทัลวอลเล็ต” คาดชะลอเหลือ 2.9%

แม้จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงอ่อนแอและไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีมากนัก แต่ได้ปรับจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% จาก 3 ปัจจัยบวก ได้แก่

  1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ดิจิทัลวอลเล็ต) ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ 0.8% ของจีดีพี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีหน้า
  2. การท่องเที่ยวที่ยังคงฟื้นตัวได้โดยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 35 ล้านคนในปี 67
  3. การส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวตามวัฏจักรการผลิตและการส่งออกโลก

ขณะที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่รัฐบาลอาจไม่สามารถผลักดันมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะข้อจำกัดด้านการคลังและกฎหมาย กรณีที่ไม่รวมผลจากมาตรการนี้คาดว่าจีดีพีจะชะลอลงเหลือ 2.9% ในปี 67 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่กดดันการเติบโตในระยะยาวมาอย่างต่อเนื่อง

หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสามารถออกใช้ได้ตามที่รัฐบาลแถลงจะมีต้นทุนสูงถึง 5 แสนล้านบาท ขณะที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้น แต่ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะมีค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับต้นทุน โดยประเมินตัวคูณทางการคลัง (fiscal multiplier) ที่ 0.3 เท่า ซึ่งส่งผลบวกต่อจีดีพีประมาณ 0.8% ในปี 67 โดยผลดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีหน้าหากมีการออกใช้จริง และเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงอย่างมากหลังจากนั้น

เนื่องจากสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้ไทยแข่งขันในเวทีโลกได้ยากขึ้นมากกว่าประเด็นการลดลงของรายได้ชั่วคราว นอกจากนี้ผลกระทบด้านลบยังรวมไปถึงต้นทุนทางอ้อมต่อเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นจากการที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีกด้วย

เศรษฐกิจไทย

คาดส่งออกโต 2%

KKP Research คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสชะลอตัวแต่น่าจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องในปีหน้า แม้มีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่เศรษฐกิจสหรัฐ มีโอกาสขยายตัวได้จากแรงสนับสนุนทั้งวัฏจักรการผลิต การย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ (Reshoring) จากภาวะการย้อนกลับของโลกาภิวัฒน์ และมาตรการกระตุ้นการลงทุน ซึ่งส่งผลให้ผลิตภาพของแรงงานปรับตัวดีขึ้น และน่าจะทำให้การส่งออกของไทยในปี 67 มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศในภูมิภาค โดยคาดว่าการส่งออกของไทยจะเติบโตได้เล็กน้อยที่ 2.0%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK