Economics

เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า! ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ต่ำสุดในรอบ 1 ปี

เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า! ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม อยู่ที่ระดับ 91.3 ต่ำสุดในรอบ 1 ปี จี้รัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 91.3 ปรับตัวลดลง จาก 92.3 ในเดือนกรกฎาคม 2566 ปรับตัวลงดิดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และต่ำสุดในรอบ 1 ปี ค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ เป็นผลมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมลดลง

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม

เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า

ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรและรายได้ของเกษตรกรลดลง กดดันกำลังซื้อในส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใตัรัฐบาลผสม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยสนันสนุนการบริโภคในประเทศ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.5 ปรับตัวลดลง จาก 100.2 ในเดือนกรกฎาคม 2566 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและไม่แน่นอนกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังกังวลนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อตันทุนการผลิต อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และนโยบายด้านพลังงาน

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม

ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐ ดังนี้

  1. เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ทดแทนอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัว อาทิ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มาตรการเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เป็นตัน
  2. เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เช่นมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การปรับโดรงสร้างหนี้ การลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันและก๊าซ การสนับสนุนสินค้า SMEs เป็นตัน
  3. เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ต่อปี รวมถึงกำกับดูแลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ (Spread) ให้ส่วนต่างลดลง เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ
  4. เร่งรัดโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แล้ว ให้ดำเนินการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติ และจัดกิจกรรม Roadshow เชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจที่ย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม

หนุนมาตรการฟรีวีซ่ารับช่วงไฮซีซั่น

“ส.อ.ท.เตรียมทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลต้น ต.ค.นี้ เพื่อเสริมแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ตรงจุด เช่น จัดลำดับความสำคัญของปัญหาเร่งด่วนภายใน 6 เดือน-1 ปี กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานนั้น รัฐบาลควรพิจารณาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง ไม่ใช่การปรับลดราคาเป็นครั้งคราว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย” นายเกรียงไกร ระบุ

นายเกรียงไกร กล่าวว่า จากการรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เห็นว่านโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจคือ มาตรการฟรีวีซ่ารับช่วงไฮซีซั่น เพื่อผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ถึงเป้า 28-30 ล้านคน เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเพียงตัวเดียวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และจากการส่งออกที่หดตัว ระยะสั้นควรหันมาให้ความสนใจการค้าชายแดน และตลาดอาเซียนที่มีความสำคัญมาก เพราะมีสัดส่วนมากถึง 24% ซึ่งความจริงแล้วก็เหมือนเศรษฐกิจภายในประเทศ เพียงแค่ขนส่งข้ามชายแดนไปเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK