“การบินไทย” ตัดหนี้สะสม 2.8 หมื่นล้านบาท เปิดช่องจ่ายปันผลถ้ามีกำไรเกิน 300 ล้านบาท พร้อมส่งต่อความผันผวนให้ผู้โดยสาร หากราคาน้ำมันพุ่ง
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 26 เมษายน 2562 เพื่อขออนุมัติให้โอนทุนสำรองตามกฎหมายของบริษัทจำนวน 2,691 ล้านบาท และเงินสำรองที่เกิดจากส่วนล้ำมูลค่าหุ้นจำนวน 25,545 ล้านบาท ไปชดเชยผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ
โดยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2561 การบินไทยมีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการจำนวน 28,000 ล้านบาท ถ้าหากใช้วิธีนี้จะส่งผลให้ผลขาดทุนสะสมของบริษัทลดเหลือ 296 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบต่อส่วนผู้ถือหุ้น “แม้แต่บาทเดียว” ขณะเดียวกันถ้าบริษัทมีกำไรเกิน 300 ล้านบาท ก็จะทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ทันที
“เราอยากส่งสัญญาณที่ชัดเจน ถ้าบริษัทไม่มีขาดทุนสะสมก้อนใหญ่และมีกำไรเกิน 300 ล้านบาท ต่อไปเราจะจ่ายเงินปันผลได้ทันทีถ้ามีกำไรเกิน 300 ล้านบาท” นายสุเมธ กล่าว
เพิ่มรายได้เสริมปีละ 4,000 ล้านบาท
สำหรับปีงบประมาณ 2561 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท โดยปัญหาหลักของการบินไทยในขณะนี้คือ ฝูงบินเก่าและมีอายุการใช้งานสูง ส่งผลให้มีภาระด้านการบำรุงรักษา การหมุนเวียนเครื่องบิน ประสิทธิภาพการบริการ และภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งยากต่อการเพิ่มรายได้ ถ้าจัดหาฝูงบินใหม่ไม่ได้ การบินไทยก็จะไม่หลุดพ้นจากวงจรนี้
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้การบินไทยจึงอยู่ระหว่างผลักดันโครงการจัดหาฝูงบิน 38 ลำในปีนี้และปีหน้า โดยตอนนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม การจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ดังนั้นการบินไทยจึงยังไม่สามารถเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลักได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยในระหว่างนี้ บริษัทจึงจะใช้วิธีเช่าเครื่องบินระยะสั้นเพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องฝูงบินและสร้างรายได้เสริมจากธุรกิจทีเกี่ยวข้องอื่นๆ โดยเฉพาะครัวการบิน อีก 3,000 – 4,000 ล้านบาทในปี 2562
ส่งต่อความผันผวนราคาน้ำมันให้ผู้โดยสาร
ขณะเดียวกันการบินไทยจะหารือกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. , บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และไทยกรุ๊ป เพื่อบูรณาการการทำงานและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO)
บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างการบริการครบวงจรจากภาคพื้นสู่อากาศ (Ground to sky) เพื่อปรับปรุงบริการของสายการบินไทยให้ลื่นไหล สอดคล้อง ต่อเนื่องกัน และตรงกับความต้องการลูกค้ามากขึ้นและพัฒนาระบบดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะช่วยเรื่องผลประทบกอบการได้ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทจะต้องเร่งบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันทันที เพื่อลดความผันผวนและเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการอย่างชัดเจน แต่ยอมรับว่าถ้าหากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ก็คงไปสะท้อนที่ราคาบัตรโดยสาร เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความผันผวนไว้ทั้งหมด รวมถึงปรับมาตรฐานบัญชีใหม่เพื่อลดผลกระทบจากการด้อยค่าของเครื่องบิน เมื่อการบินไทยจะต้องปลดระวางเครื่องบิน ก็จะไม่กระทบรุนแรงเหมือนในอดีต ซึ่งหากดำเนินการทั้งหมดนี้ได้ ก็จะทำให้การจัดหาฝูงบินใหม่ไม่เป็นภาระทางด้านการเงินในอนาคต
ตั้งเป้าเคลียร์ผู้โดยสารตกค้าง 2,000 คนใน 3 วัน
นายสุเมธ กล่าวต่อถึงกรณีที่ประเทศปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้า ส่งผลให้สายการบินไทยไม่สามารถให้บริการในเส้นทางปกติว่า ขณะนี้สายการบินไทยยังเหลือผู้โดยสารตกค้าง 2,000 คน แต่ก็จะพยายามจะดูแลให้ผู้โดยสารเดินทางได้ทั้งหมดภายใน 2 – 3 วันนี้
สำหรับการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ บางส่วนการบินไทยก็ต้องรับผิดชอบเอง แต่ก็มีหลายรายการที่สามารถนำไปเบิกประกันได้ โดยต้องรอข้อสรุปเรื่องวงเงินหลังจากเหตุการณ์นี้จบลงแล้ว