Economics

เปิดรายละเอียด ‘บัตรคนจน’ รอบใหม่ ได้กี่บาท ใช้จ่ายอะไรได้บ้าง?

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 14.6 ล้านราย ยืนยันตัวตน 1 มีนาคม 2566 เริ่มใช้สิทธิ์ 1 เมษายน 2566 ลงทะเบียนไม่ผ่านยื่นอุทธรณ์ได้ตั้งแต่ 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี ว่า วันนี้ (28 ก.พ.) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนโครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ดังนี้

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
รายละเอียดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

1. ผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการปี 2565 ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 14,596,820 ราย ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 5,050,421 ราย ซึ่งผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ มีรายได้เกิน 100,000 บาท/ปี มีบัญชีเงินฝากเกิน 100,000 บาท มีบัตรเครดิต มีวงเงินกู้บ้าน/รถ เป็นต้น

2. กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการปี 2565

  • ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติและเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตน 1 มีนาคม 2566
  • เริ่มใช้สิทธิ์สวัสดิการสำหรับผู้ลงทะเบียนรอบปกติ 1 เมษายน 2566
  • กระบวนการอุทธรณ์ (กรณีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ) 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566
  • ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 20 มิถุนายน 2566
  • เริ่มใช้สิทธิ์สำหรับผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 1 กรกฎาคม 2566

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

3. ข้อเสนอประชารัฐสวัสดิการใหม่ที่จัดสรรให้แก่ผู้มีบัตร

  1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้า : ต่างจังหวัดและกทม. 300 บาท/คน/เดือน
  2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม : 80 บาท/คน/สามเดือน
  3. วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ : 750 บาท/คน/เดือน
  4. วงเงินค่าไฟฟ้า ต่างจังหวัดและกทม. : 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
  5. วงเงินค่าน้ำประปา ต่างจังหวัดและกทม. : 100 บาท/ครัวเรือน/เดือนแต่ไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

ใช้จ่ายอะไรได้บ้าง

สำหรับ โครงการปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคนและเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถ ขสมก. รถ บขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ รวมทั้งสามารถเฉลี่ยการใช้วงเงินได้กับทุกประเภท

รวมทั้งยังกำหนดให้วงเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้เป็นสวัสดิการหลักที่ไม่มีเวลาหมดอายุด้วย โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้กับผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK