Economics

ส่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2566 หลังมรสุมโควิด ‘ปัง’ หรือ ‘แป้ก’

ส่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2566 หลังมรสุมโควิดจากหลากหลายกูรู เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะ “ปัง” หรือ “แป้ก”

ส่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2566 หลังมรสุมโควิด กระทรวงการคลัง คาดขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.8% ต่อปี จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและสถานการณ์เงินเฟ้อที่คลี่คลายลง “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดขยายตัวที่ 3.2% ส่วน Krungthai COMPASS คาดโต 3.4%

เศรษฐกิจไทยปี 2566

คลังคาดเศรษฐกิจไทยโต 3.8%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.8% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.8% ถึง 4.8%) โดยได้แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา

ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอลงตามอุปสงค์ในตลาดโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวที่ 2.5% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.5% ถึง 3.5%) รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 3.7% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.7% ถึง 4.7%) ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดอยู่ที่ 2.9% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.9% ถึง 3.9%)

เศรษฐกิจไทยปี 2566

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มองโต 3.2%

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ขยับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 มาอยู่ที่ 3.2% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ 3.2-4.2% ด้วยผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะไม่เติบโต เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมอีก 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ซึ่งย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในจังหวะขาขึ้น ด้านแนวโน้มเงินบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี มีโอกาสแข็งค่าขึ้น

เศรษฐกิจไทยปี 2566
นายสนั่น อังอุบลกุล

“กกร.” คาด โต 3-3.5%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจปี 2566 โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะโต 3-3.5% จากปี 65 ที่คาดว่าจะโต 3.2% การส่งออกขยายตัว 1-2% จากปี 65 ที่คาดว่าจะเติบโต 7.25% และเงินเฟ้อ 2.7-3.2% จากปีนี้ 6.2% ทั้งนี้มาจากปัจจัยสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนภายใต้ข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในปี 2566 ด้วยแรงจากเครื่องยนต์เดียวคือภาคการท่องเที่ยว จึงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่และยังมีสัญญาณของความเปราะบาง ภายใต้บริบทของการปรับนโยบายเศรษฐกิจสู่ภาวะปกติ ในระยะข้างหน้าที่การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทั้งในมิติของการสร้างรายได้ให้กับประเทศ การจ้างงานให้กับแรงงาน และรายได้ให้กับครัวเรือน ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า 20 ล้านคน

เศรษฐกิจไทยปี 2566

คาดเศรษฐกิจขยายตัว 3.7%

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัวที่ 3.7% เร่งขึ้นจาก 3.2% ในปี 2565 จากกิจกรรมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวต่อเนื่อง

และมองการเติบโตของมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะอยู่ที่ราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวเพียง 3.4% ชะลอตัวลงจากปีนี้ตามทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าที่อ่อนแรงลง ขณะที่บางภูมิภาคกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยชัดเจน

ะคาดเงินเฟ้อปีหน้าจะอยู่ที่ 2.6% ชะลอลงจากปีนี้ที่ราว 6.1% อย่างไรก็ตามระดับราคาสินค้าในประเทศจะยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไปจนถึงกลางปี 2566 ก่อนจะทยอยลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในครึ่งหลังของปี 2566 ดังนั้นค่าครองชีพที่แพงและหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จึงยังคงเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อในประเทศอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการบริโภคภาคเอกชน จะสามารถขยายตัวได้ที่ 3.5% เป็นการเติบโตใกล้เคียงค่าเฉลี่ยก่อนโควิดระหว่างปี 2559-2562 ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐอาจลดลง แม้งบประมาณจะเพิ่มขึ้นจากปีนี้ ประกอบกับการชะลอตัวลงของการส่งออกสินค้า จึงประเมินว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 2566 จะขยายตัวที่ 2.6% ชะลอลงจากปี 2565 ที่ 3.0%

เศรษฐกิจไทยปี 2566

คาดเศรษฐกิจขยายตัว 3.4%

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS สำหรับไทยนั้น ประเมินว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะขยายตัวที่ 3.4% สูงกว่าปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% แต่ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้จากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลง กระทบต่อภาคการส่งออกซึ่งคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้เพียง 1.2% เท่านั้น และภาวะการเงินในประเทศที่จะตึงตัวมากขึ้นจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณถึงความต้องการให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้นเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อที่จะยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 3%

ด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามาถึง 21.4 ล้านคนหรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2565 สนับสนุนดุลบัญชีเดินสะพัดของให้กลับมาเกินดุล ส่วนค่าเงินบาทยังเผชิญความผันผวนจากการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐ โดยประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในช่วง 33.75 – 36.50 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK