ปี 2562 เป็นอีกปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายเรื่อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.0 % เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำลงจากปี 2561 ที่ขยายตัว 4.2 %
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสศช. อธิบายว่า แม้ปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะลดลง แต่ก็ถือว่าอัตราการเติบโตสูงกว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว 3.7-3.8 % เท่านั้น และถือว่า 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2561) ไทยมีการพัฒนาเศรษฐกิจมาตามลำดับ มูลค่าจีดีพีจากปี 2557 ที่ 13 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 16.34 ล้านล้านบาท และปีนี้จะขี้นเป็น 17.3 ล้านล้านบาท
4 ความเสี่ยงหลักที่ไทยต้องเผชิญปีนี้
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
- ความเสี่ยงที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง
- สงครามการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐ รวมถึงสาระสำคัญของการแถลงนโยบายประจำปี ( State Of The Union ) ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ (6 ก.พ.) และแนวนโยบายของนายทรัมป์ เกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์ และชิ้นส่วนเป็นภัยคุกคามสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงไทย
- ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของโลก
ขาย 15 เรื่องเร่งด่วนให้พรรคการเมือง
พร้อมกันนี้นายทศพร ยังระบุว่า สศช.ยังได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว โดยโฟกัสออกมาเป็น 15 เรื่องเร่งด่วนที่ควรต้องทำ ภายใต้ 3 หัวข้อใหญ่ ประกอบด้วย
การแก้ไขปัญหาพื้นฐาน
- สร้างความสามัคคีปรองดอง และการบริหารพื้นที่อย่างยั่งยืน
- แก้ปัญหาความมั่นคงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะยาเสพติด และความปลอดภัยทางไซเบอร์
- พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐให้เกิดการบูรณาการ ทันสมัย และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
- แก้ปัญหาทุจริตในทุกภาคส่วน
- บริหารจัดการน้ำ และมลพิษจากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
การดูแลยกระดับ
- ปรับสภาพแวดล้อมภาครัฐให้เชื่อมต่อการดำเนินธุรกิจ และการบริการประชาชน
- สร้างสังคมสูงวัยให้มีสุขภาพที่ดี และสามารถดูแลตัวเองได้
- พัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยให้มีทักษะความรู้ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต
- เน้นพัฒนาผู้ประกอการระดับตำบล ทั้งเกษตรกรรมและนวัตกรรม
- บริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและเข้าถึงง่าย
- กระจายศูนย์กลางความเจริญไปสู่ภุมิภาคต่างๆ ผ่านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่เมือง
สร้างรายได้-รองรับการเติบโตในระบบอย่างยั่งยืน
- การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ครบวงจร และได้รับการยอมรับในระดับโลก
- เน้นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง และอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ถูกกำหนดขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
- การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี) รวมทั้งเปิดพื้นที่การลงทุนใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาแบบก้าวกระโดด
- การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สร้างความเชื่อมโยงทั่วประเทศ และระหว่างประเทศ
นายทศพร ย้ำว่าทั้ง 15 ประเด็นเป็นเรื่องที่สศช.เห็นว่าควรต้องโฟกัส เพื่อให้ประเทศเติบโตในระยะยาว ซึ่งจะจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลเร็วๆนี้ และนำเข้าครม.หากผ่านความเห็นชอบก็จะทำเป็นแผนแม่บทต่อไป
“15 ประเด็นนี้เราสกัดมาแล้ว พรรคการเมืองเอาไปใช้ก็ได้ เพราะการเมืองสมัยใหม่ ก็ต้องวิเคราะห์ความต้องการประชาชน อนาคตรัฐบาลไหนมาเราก็จะเสนอไปตามนี้ จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องทำ เพราะจะช่วยให้ประเทศเติบโตในระยะยาว ”
ต้องเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว-เขตเศรษฐกิจใหม่
สำหรับประเด็นใหญ่ที่จะทำให้ประเทศไปต่อได้ในอนาคต นายทศพร หยิบมา 4 เรื่อง ก็คือ
- การส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เติบโต เพราะจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากกว่าการเน้นการเติบโตของบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น
จากการส่งเสริมและสนับสนุนของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ในช่วงปี 2556-2561 จีดีพีของเอสเอ็มอีเติบโตต่อเนื่อง จาก 39.7% เป็น 42.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 โดยปัจจุบันมีเอสเอ็มอีแล้วมากกว่า 3 ล้านราย - การเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ระนอง -ชุมพร และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยหาจุดขายใหม่ เช่น “เส้นทางนกยูง” ที่เชียงราย-พะเยา-หลวงพระบาง เป็นต้น เพราะการเปิดแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล
ปี 2561 ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 3 ล้านล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว ที่คาดว่าในปี 2562 จะทะลุไปถึง 40 ล้านคน และไม่ได้เป็นเพียงแค่การท่องเที่ยว แต่หมายถึงการลงทุนที่จะตามมาด้วย - การกระจายความเจริญด้วยการขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น อีอีซี และเอสอีซี เป็นต้น
- การกระตุ้นนวัตกรรมด้วยการเพิ่มสัดส่วนงบลงทุน เพื่อการวิจัยและนวัตกรรม ทั้งในหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ จาก 0.48 % ต่อจีดีพี ในปี 2557 เป็น 1%ในปี 2560 ต่อจีดีพี คิดเป็นเม็ดเงิน 154,519 ล้านบาท
สศช.ตั้งเป้า 2% ในช่วงสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ( 2560-2564)