COVID-19

‘นิตินัย’ คาด ‘อุตฯ การบิน’ กลับภาวะปกติ ปี 66 จับตา ‘3 จุด’ ชี้ชะตาปี 65

“นิตินัย” คาด “อุตฯ การบิน” กลับสู่ภาวะปกติในปี 2566 ชี้เปิดประเทศเดือนพฤศจิกายนนี้ แค่เป็นการส่งสัญญาณถึงสายการบิน รอลุ้นจีน เปิดเดินทางกลางปี 2565 รับจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 สนามบินทั้ง 6 แห่ง ของทอท. รองรับผู้โดยสารที่ 142 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้ ประเมินว่า ในปีงบประมาณ 2565 ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ประมาณ 62 ล้านคน

อุตฯ การบิน

ปี 2565 ถือว่าเป็นปีที่สำคัญสำหรับอุตฯ การบิน โดยมี 3 จุดใหญ่ที่ต้องจับตา คือ

  • เปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

จะเป็นการเช็กสถานะของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการบิน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีมาตรการลดหย่อนต่าง ๆ หรือพักชำระหนี้ ว่า ผู้ประกอบการเหล่านั้น จะมีความพร้อมกลับมาให้บริการอีกครั้งจำนวนแค่ไหน หรือมีเลิกกิจการไปถาวรแล้วเท่าไร

ส่วนการเปิดบินเส้นทางต่าง ๆ หรือจำนวนผู้โดยสารนั้น ในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะยังเพิ่มไม่มากนัก เนื่องจากในการบิน สายการบินจะต้องมีแผนล่วงหน้า ทั้งการขายตั๋ว การจัดการเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเศษ ซึ่งการประกาศเปิดประเทศในเดือนหน้านั้น เป็นการส่งสัญญาณไปถึงช่วงปีใหม่ 2565 ที่เป็นฤดูท่องเที่ยว คาดว่าสายการบินจะทำการบินมากขึ้น และทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นไปด้วย

  • เดือนธันวาคม 2564 หลังเปิดประเทศ 1 เดือน

คาดว่า สายการบินจะติดตั้งการขายตั๋วล่วงหน้าได้แล้ว แต่ก็อาจจะต้องลุ้นกันอีก เพราะมีหลายปัจจัย เช่น ประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่มามากนัก จนกระทั่งหลังตรุษจีน แต่จุดที่จะชี้วัดคือ เดือนกันยายน 2565 ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ โดยคาดว่า จีนจะเริ่มมีการเดินทางช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565

  • เมื่อจีนเปิดให้เดินทาง

จะต้องดูว่า แต่ละอุตสาหกรรมการบิน ถึงจุดคุ้มทุนหรือยัง เช่น ทอท.ในฐานะผู้บริหารสนามบิน จะต้องมีจำนวนผู้โดยสารกลัมมาที่ระดับ 50% จึงจะคุ้มทุน สำหรับสายการบิน จุดคุ้มทุน ที่ Load Factor ประมาณ 60-70%

อุตฯ การบิน
นิตินัย ศิริสมรรถการ

นายนิตินัย กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องรอดูในปี 2565 มีค่อนข้างมาก แต่คาดว่า ในปี 2566 อุตสาหกรรมการบินจะเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ โดยจับตาสถานการณ์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ คือช่วงเดือนตุลาคม 2565-มกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าผลประกอบการน่าจะฟื้นกลับขึ้นมา

การดำเนินงานของ ทอท. ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 โดย ช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค. 62-ม.ค. 63) ยังเป็นช่วงที่ไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้ทั้งปีงบประมาณ 2563 ทอท.มีกำไร ราว 5,000 ล้านบาท

ส่วนปีงบประมาณ 2564 มีผลกระทบจากโควิดทั้งปี ทำให้มีผลขาดทุนเป็นครั้งแรก และปีงบประมาณ 2565 ช่วง 4 เดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว ยังเป็นช่วงที่การบินน้อย แม้จะเปิดประเทศในช่วง 8 เดือนหลังก็ตาม แต่คาดว่า จะยังกอบกู้ผลดำเนินการงานขึ้นมาไม่ได้

การเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทอท. พร้อมดำเนินการในทุก ๆ ด้าน ซึ่งจะต้องปฏิบัติการในรูปแบบนิว นอร์มัล (New Normal) ที่เน้นการบริการผ่านระบบ IT คือ ลดคน ลดสัมผัส ซึ่งได้มีการนำระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS) และเครื่อง KIOSK และรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) เข้ามาใช้

นอกจากนี้ ยังมี แอปพลิเคชัน AOT  ที่ในเดือนหน้า จะรีแบรนด์เปลี่ยนโฉมใหม่ เป็น SAWASDEE by AOT เข้ามาใช้  เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารภายใต้แนวคิด สู่การเป็น Digital Airports สนามบินมีชีวิต สามารถเช็กสถานะของกระเป๋า ที่จอดรถ ข้อมูลข่าวสารเที่ยวบินต่าง ๆ ผ่านมือถือ ลดการติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ และยังมีส่วนลดร้านค้าต่าง ๆ ด้วย

อุตฯ การบิน

สำหรับประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศของสุวรรณภูมิ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ มีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์ ประมาณ 440 เที่ยวบิน แบ่งเป็น

  • เที่ยวบินภายในประเทศ ประมาณ 230 เที่ยวบิน
  • เที่ยวบินระหว่างประเทศ ประมาณ 110 เที่ยวบิน
  • เที่ยวบินขนส่งสินค้า ประมาณ 100 เที่ยวบิน

โดยเมื่อประมาณการที่ 30% จากความจุของแบบอากาศยาน ทอท. จึงคาดว่า จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่าน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวนทั้งสิ้น ประมาณ 30,000 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 23,000 คน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 7,000 คน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo