COVID-19

‘เวิลด์แบงก์’ หั่นคาดการณ์ ‘จีดีพีไทย’ ปี 64 โตแค่ 1% ชี้ 3 ปี กว่าจะฟื้นจาก ‘โควิด’

“เวิลด์แบงก์” หั่นคาดการณ์จีดีพีไทย คาดปีนี้ โตแค่ 1% ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2565 ขยายตัว 3.6% ชี้ ไทยอาจต้องใช้เวลา 3 ปีกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากโควิด 

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า เวิลด์แบงก์ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยในปี 2564 เหลือ 1% จากเดิมเมื่อเดือน กรกฎาคม  ที่คาดการณ์ไว้ 2.2% เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนในปี 65 คาดการณ์จีดีพีจะขยายตัวที่ 3.6% โดยคาดว่าระบบเศรษฐกิจของไทยจะใช้เวลาในการฟื้นตัวราว 3 ปี

“เราปรับลดจีดีพีปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1% เศรษฐกิจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวมากขึ้น หลังเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ช้าลง”

จีดีพีไทย

จีดีพีไทย ฟื้นตัวช้า เหตุกระจายวัคซีนล่าช้า

สาเหตุที่ระบบเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวช้าลงอีก เนื่องจากการกระจายวัคซีนที่ล่าช้า โดยคาดว่าการฉีดวัคซีนจะครอบคลุมประชากร 70% ได้ราวกลางปี 2565 ซึ่งมีผลต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้สถานการณ์การท่องเที่ยวในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน หลังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้ว แต่ยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่มีจำนวนราว 44 ล้านคน

โดยหลังจากฉีดวัคซีนได้ครบตามเป้า 70% แล้วคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน 1.7 ล้านคน

กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ มาจากการส่งออก หลังการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดส่งออก เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้น แต่มีข้อจำกัดในการเดินทาง แต่การส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องปัญหาคอขวดของระบบห่วงโซ่การผลิต และระบบโลจิสติกส์

ขณะที่ การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน จะเริ่มทยอยฟื้นตัว ดังนั้นการใช้มาตรการด้านการคลัง จะมีส่วนช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% ของจีดีพี เพิ่มเป็น 70% ของจีดีพี ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐมีพื้นที่ด้านการคลังเพียงพอ ที่จะประคับประคองระบบเศรษฐกิจ โดยคาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะน่าจะขยับจาก 43% ในปีนี้ไปอยู่ที่ 62% ในปีหน้า

จีดีพีไทย
เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา

“การขยายเพดานหนี้เป็นสิ่งที่ดี เพิ่มโอกาสในการประคับประคองเศรษฐกิจในระยะสั้น เพิ่มการลงทุนในระยะกลาง ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มไปกว่า 60% เป็นการชั่วคราว หลังฟื้นเศรษฐกิจได้แล้วก็จะลงมาต่ำกว่า 60%” 

สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ในประเทศจึงมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งหลังจากมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะแล้ว จะต้องดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพด้านการคลังในระยะกลาง กล่าวคือ การใช้เงินกู้ต้องมีความโปร่งใส จะมีการลงทุนอย่างไร จะมีมาตรการเยียวยาอย่างไร ซึ่งต้องมีการใช้เงินกู้ให้ตรงจุด เช่น การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo