หลังจาก อิออน ประเทศญี่ปุ่น มอบหมายให้ โนโบรุ วาคายาม่า เข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด โดยรับภารกิจปฏิวัติองค์กรใหม่ ซึ่งภายใน 1 ปีที่ผ่านมาหลังเข้ารับตำแหน่ง ล่าสุดได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าจับตา
นั่นคือ การปิดสาขา “แม็กซ์ แวลู ทันใจ” กว่า 20 สาขา โดยจะเป็นการทะยอยปิดกิจการ อาทิ สาขาพัฒนาการ 20, อ่อนนุช 17, เอราวัณ, ราชเทวี, สาธุประดิษฐ์19, สุขุมวิท 31, ทองหล่อ 5, สุขุมวิท 47 เรน ฮิลล์, สุขุมวิท 20, แบริ่ง 33, สีลม ไอทีเอฟ, เจริญนคร, ประชาราษฎร์ สาย 1 , กรุงเทพกรีฑา, ชิดลม 19 เป็นต้น
สำหรับ “แม็กซ์ แวลู ทันใจ” เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก (มินิซูเปอร์มาร์เก็ต) ซึ่งใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้อ หรือ คอนวีเนียนสโตร์ โดยมีขนาดพื้นที่ ประมาณ 300 ตร.ม. เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากเข้ารับตำแหน่ง วาคายาม่า เคยประกาศว่า จะใช้ แม็กซ์ แวลู ทันใจ เป็นหัวหอกหลักในการขยายธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า แม็กซ์ แวลู รูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า และขยายสาขาได้เร็วกว่า
ทั้งนี้ในปี 2562 วาคายาม่า เผยว่า แม็กซ์แวลู ทันใจ มีกว่า 50 สาขา และจะใช้เป็นโมเดลหลักในการขยายสาขาช่วง 3 ปีจากนี้ โดยจะเน้นการสร้างความแตกต่างจากร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไป ด้วยการเน้นสินค้าอาหารพร้อมทาน และการจัดชั้นวางสินค้า ซึ่งจะเน้นทำเลตามแนวรถไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างทดลองเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสม เริ่มจากสาขาไอดีโอ สาทร ท่าพระ จากนั้นจะขยายสาขาภายใต้โมเดลใหม่ที่สรุปแล้ว
ขณะที่ แม็กซ์แวลู ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีประมาณ 30 สาขานั้น จะเดินหน้ารีโนเวตสาขาเดิมที่มีอยู่มากกว่าการเปิดสาขาใหม่ โดยในปี 2562 ได้รีโนเวตใหม่หลายสาขา เช่น เมืองทองธานี, คู้บอน, ปัญญา วิลเลจ เป็นต้น และพบว่าได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก
แต่จนถึงปี 2563 อิออน (ไทยแลนด์) ได้ตัดสินใจทะยอยปิดสาขา แม็กซ์ แวลู ทันใจ จากกว่า 50 สาขาเหลือประมาณ 40 สาขา และล่าสุดได้ประกาศจะปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 20 สาขา หรือปิดตัวถึง 50% โดยให้เหตุผลว่า เป็นการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร โดยจะเริ่มทะยอยปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การปิดสาขา แม็กซ์ แวลู ทันใจครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงการยกธงขาวในธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ เพราะจะยังคงสาขาที่มีรายได้เลี้ยงตัวเองได้เอาไว้ และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายเพิ่มในอนาคต หากมีรูปแบบและทำเลที่เหมาะสม
การเลือกปิดสาขาที่ไม่กำไรดังกล่าว ถือเป็นการปรับกลยุทธ์วิธีหนึ่งของ อิออน (ไทยแลนด์) เพื่อผลักดันผลประกอบการให้ดีขึ้น ด้วยการลดค่าใช้จ่าย ในสภาวะที่ยอดขายไม่เติบโต ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงในค้าปลีกกลุ่มคอนวีเนียนสโตร์ที่ภาพรวมตลาดแทบไม่เติบโต และมีผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ทำให้ แม็กซ์ แวลู ทันใจ หาช่องทำการตลาดได้ยาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางคอนเซ็ปต์เน้นกลุ่มอาหารพร้อมทาน ซึ่งท้าชนกับเซเว่นอีเลฟเว่นโดยตรง ทำให้เสียเปรียบรายใหญ่อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีทั้งสาขาที่มากกว่า และสินค้าที่หลากหลายกว่า
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว จากสภาวะเศรษฐกิจซบเซา รวมทั้งปัจจัยลบภายนอกจาก โควิด-19 ที่ส่งผลนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าสำคัญของแม็กซ์ แวลู และแม็กซ์ แวลู ทันใจ ลดน้อยลง จึงส่งผลกระทบกับยอดขายที่ลดลงอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
ดังนั้น ก้าวเดินของแม็กซ์ แวลู ทันใจ ในครั้งนี้ จึงถือได้ว่า เป็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาก้าวเดินต่อไปของ อิออน (ไทยแลนด์) ที่น่าจะมีความเคลื่อนไหวสำคัญออกมาแน่นอน หลังจากเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 680 ล้านบาท เป็น 890 ล้านบาท โดยมีบริษัท อิออน จำกัด เป็นผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ส่งผลให้มีสัดส่วนหุ้นเพิ่มจากเดิม 30.15% เป็น 48.99% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ๋แทนบริษัท อิออน โฮลดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ลดจำนวนการถือหุ้นจาก 64.46% เหลือ 47.08%
นั่นหมายความว่า อิออน (ไทยแลนด์) จะมีเงินเข้ามาช่วยต่อลมหายใจเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และมองหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อหาทางสร้างความอยู่รอดในธุรกิจค้าปลีกเมืองไทยให้ได้ ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไป
